วลาดิเมียร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซีย ได้รับการต้อนรับอย่างล้นหลาม ขณะการเดินทางลงพื้นที่เยือนภูมิภาคดาเกสถานของรัสเซีย ซึ่งบางฝ่ายตีความว่าการเดินทางลงพื้นที่ในครั้งนี้ เป็นความพยายามของปูตินในวัย 70 ปี ที่จะปลุกความนิยมในตัวเขาเอง หลังจากเหตุการณ์ก่อกบฏของกลุ่มทหารรับจ้างวากเนอร์
สำนักประธานาธิบดีรัสเซียแถลงเมื่อวันพฤหัสบดี (29 มิ.ย.) ว่า ภาพซึ่งแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าปูตินได้ทักทายผู้สนับสนุนที่รักเขาในพื้นที่เดอร์เบียนต์ พิสูจน์ให้เห็นว่าประธานาธิบดีรัสเซียได้รับการสนับสนุนจากมวลชนอย่าง “น่าประหลาดใจ” อย่างไรก็ดี ภาพดังกล่าวไม่สามารถได้รับการตรวจสอบข้อเท็จจริงได้
ทางการรัสเซียพยายามยืนยันว่าการปกครองอันยาวนานของปูติน ไม่ได้อ่อนแอลงหลังจากทหารรับจ้างของวากเนอร์ยกทัพหลายร้อยกิโลเมตรจนเกือบถึงกรุงมอสโก และยึดศูนย์ปฏิบัติการทางทหารทางตอนใต้ของรัสเซีย ซึ่งดูเหมือนว่าวากเนอร์จะได้รับการสนับสนุนจากประชาชนบางส่วนในพื้นที่ โดยจนถึงปัจจุบันนี้ ทางการรัสเซียยังไม่เคยเอ่ยถึงชื่อของ เยฟเกนี ปริโกชิน ผู้นำวากเนอร์ นับตั้งแต่การก่อกบฏยุติลง
มีโอกาสไม่บ่อยครั้งที่จะมีการพบเห็นปูตินพบปะกับประชาชนชาวรัสเซีย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง นับตั้งแต่รัสเซียเกิดการระบาดใหญ่ของโควิด-19 ซึ่งส่งผลให้ปูตินปฏิบัติตามกฎควบคุมการระบาด และการการแยกตัวที่เข้มงวด โดยขณะนี้ รัสเซียยังคงมีที่ข้อจำกัดควบคุมโควิด-19 บางอย่างอยู่ แต่ทางการรัสเซียได้เผยแพร่ภาพเมื่อช่วงเย็นวันพุธ (28 มิ.ย.) ของปูติน ขณะประธานาธิบดีรัสเซียกำลังเดินไปหากองเชียร์ที่ส่วนใหญ่เป็นผู้หญิงในเมืองเดอร์เบียนต์
“ในเดอร์เบียนต์ มีภาพของการสนับสนุนและความสุขของประชาชนในท้องถิ่นอย่างน่าประหลาดใจ” ดมิทรี เปสคอฟ โฆษกสำนักประธานาธิบดีรัสเซียกล่าวเมื่อวันพฤหัสบดี พร้อมระบุเสริมว่า ปูติน “ไม่สามารถปฏิเสธ” ที่จะทักทายฝูงชน ทั้งนี้ ในภาพเผยให้เห็นถึงประธานาธิบดีรัสเซียรายล้อมไปด้วยชายในชุดสูทและตากล้อง โดยปูตินยื่นมือออกไปเหนือการกีดขวางในด้านหน้าของเขาเพื่อจับมือผู้คน จากนั้นเมื่อถอดแจ็คเก็ตออก ปูตินได้โบกมือลาและจูบฝูงชนก่อนเขาจะขึ้นรถออกไป
“ข้อมูลที่เรามีแสดงให้เห็นการสนับสนุนที่มีเหนือและโหมกระหน่ำของท่านประธานาธิบดี และปฏิบัติการพิเศษทางการทหาร” เปสคอฟกล่าว
ปูตินยืนยันว่ากลุ่มกบฏวากเนอร์ไม่ได้ทำลายการสนับสนุน ที่มีต่อเขาของประชาชนระหว่างเหตุกระด้างกระเดื่อง โดยในตอนแรก ปูตินได้ประณามกลุ่มวากเนอร์ที่ก่อกบฏว่าเป็นผู้ทรยศ และสัญญาว่าทางการรัสเซียจะลงโทษผู้ก่อกกบฏอย่างรุนแรง แต่หลังจากการก่อกบฏยุติลง ปูตินกลับอนุญาตให้นักรบของวากเนอร์เดินทางกลับบ้าน เข้าร่วมกองทัพประจำการ หรือลี้ภัยในเบลารุสได้
“ผมไม่สงสัยปฏิกิริยาในดาเกสถานและทั่วทั้งประเทศ” ปูตินกล่าวขณะพบกับ เซอร์เก เมลิคอฟ หัวหน้าภูมิภาคคอเคซัส ตามเนื้อหาของการประชุมที่ออกอากาศทางโทรทัศน์รัสเซีย หลังเมลิคอฟที่กล่าวว่า “ไม่มีใครในดาเกสถานสักคนเดียว ที่ไม่สนับสนุนการตัดสินใจของผู้นำสหพันธรัฐรัสเซีย” เกี่ยวกับการกบฏที่ยุติลง
การก่อกบกฏในช่วงสั้นๆ ของวากเนอร์ นับเป็นความท้าทายครั้งรุนแรงที่สุดต่อปูติน นับตั้งแต่เขาขึ้นสู่อำนาจในรัสเซียเมื่อวันที่ 31 ธ.ค. 2542
ที่มา: