‘พิเชษฐ์’ เล็งเพิ่มเวลาหารือเป็น 3 นาที ให้ ส.ส.นำเสนอแก้ไขปัญหาประชาชนได้มากขึ้น บอกตัวเองทำสภาล่มบ่อย จะหาทางแก้ปัญหาไม่ให้ซ้ำรอย
วันที่ 4 ก.ค. ที่อาคารรัฐสภา พิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน ส.ส.เชียงราย พรรคเพื่อไทย ในฐานะรองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 2 แถลงข่าวหลังที่ประชุมสภาฯ เห็นชอบให้รับตำแหน่งรองประธานฯ โดยกล่าวว่า ในนามของพรรคเพื่อไทย ขอบคุณสื่อมวลชนที่ติดตามการเลือกประธานสภาผู้แทนราษฎรและรองประธานสภา ตนเพิ่งมารู้ตัวเมื่อคืนนี้ ว่าถูกเสนอชื่อ พรรคเพื่อไทยคงเห็นว่าตนอยู่ในสภามานาน และเข้าประชุมโดยตลอด ดังนั้นจึงเห็นปัญหาต่างๆ เกี่ยวกับสภามาก
พิเชษฐ์ กล่าวว่า ฝ่ายนิติบัญญัติของเราถือว่าเล็กมาก เมื่อเทียบกับฝ่ายตุลาการ หรือฝ่ายบริหาร ตนคิดว่าครั้งนี้ สภาจะต้องฟื้นคืนชีพขึ้นมา ให้มีศักดิ์ศรี ทั้งสมาชิก องค์กร เพราะการทำงานที่ผ่านมา มีขีดจำกัดในเรื่องของงบประมาณที่น้อยมากและถูกลดลงทุกปี สำนักงานสภาผู้แทนราษฎรที่อยู่ต่างจังหวัดต่างๆ ปัจจุบันมีอยู่ 5 แห่ง เราจะพยายามรื้อฟื้นและขยายให้ครอบคลุมจังหวัดต่างๆ ได้มากขึ้น เพื่อให้ประชาชนจังหวัดได้เข้าถึงฝ่ายนิติบัญญัติ
ทั้งนี้ ยังต้องใช้บุคลากรและงบประมาณอีกจำนวนหนึ่งในการดำเนินการ จึงมองว่าโอกาสนี้ฝ่ายประชาธิปไตยที่กำลังเริ่มฟื้นคืนชีพ ตนต้องการทำให้สภามีศักดิ์ศรีเป็นที่พึ่งที่หวังของประชาชนได้มากขึ้น
“ปัญหาต่างๆ ทั้งเรื่องสภาล่ม กฎหมาย รวมถึงการหารือ รัฐธรรมนูญฉบับนี้เปิดช่องน้อยมาก ทำให้ ส.ส. ไม่สามารถออกไปสัมผัสประชาชนได้ มีเพียงการหารือ 2 นาที ซึ่งเป็นเวลาที่มีค่ามากสำหรับ ส.ส.และประชาชน เบื้องต้นที่เพิ่มจาก 2 นาทีเป็น 3 นาทีก็ยังดี ตนเป็น ส.ส.เขต จึงรู้ดีว่าปัญหาของแต่ละพื้นที่ มีความยากที่จะนำเสนอต่อสภา จึงจะเพิ่มเวลาของการหารือดังกล่าว”
ตนยังคิดจะหารือกับประธานสภาฯ และรองประธานสภาฯ คนที่ 1 ให้กระทรวงต่างๆ สามารถมาพบปะกับ ส.ส อย่างน้อย 1 ครั้งใน 6 เดือน เพื่อมาทำความเข้าใจเรื่องการพัฒนาพื้นที่ในจังหวัดต่างๆ
“ปัญหาสภาล่ม ขึ้นอยู่ว่ามีการบริหารจัดการของรัฐบาลหรือไม่ หากพรรคฝ่ายรัฐบาลสามารถบริหารจัดการสมาชิกและเวลาต่างๆ ได้ ผมก็เป็นคนที่ทำให้สภาล่มเยอะ ก็เข้าใจดีแล้ว พยายามจะไม่ให้เกิดเหตุการณ์นั้นอีก”
เมื่อถามว่า พิเชษฐ์ เมื่อครั้งเป็น ส.ส. ได้ประท้วงบ่อยครั้ง จะมีใครมาทำหน้าที่นั้นแทนหรือไม่ พิเชษฐ์ ตอบติดตลกว่า ตอนนี้ก็มี ส.ส.หลายคนมาเสนอตัวทำหน้าที่นั้นแล้ว ชวน หลีกภัย อดีตประธานสภาฯ ยังแซวตนว่า “ทำเรื่องไว้เยอะนะ ระวังเขาจะเอาคืน”
เมื่อถามถึงการผลักดันกฎหมายต่างๆ ของพรรคก้าวไกล เช่น การเสนอแก้ไขมาตรา 112 สมรสเท่าเทียม หรือสุราก้าวหน้า พิเชษฐ์ ระบุว่า ต้องขึ้นอยู่กับวิปรัฐบาล ว่าจะเห็นสมควรหรือไม่ กฎหมายที่เข้ามาพิจารณาจะผ่านการกลั่นกรองมาระดับหนึ่งแล้ว พร้อมกล่าวว่า ร่าง พ.ร.บ. ที่มาจากประชาชนเสนอ ตนยินดี เชื่อว่าประธานสภาฯ และรองประธานฯ ทุกคนเห็นความสำคัญของ พ.ร.บ.ฉบับประชาชน เป็นอันดับแรก