วันนี้ (7 ก.ค. 66) นายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดต นายกรัฐมนตรี พรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ก่อนร่วมงานเสวนา “แผนผ่าวิกฤติ พิชิตสงคราม” โดยกล่าวถึงกรณีขั้วรัฐบาลปัจจุบันออกมาแสดงความคิดเห็นว่า หากโหวตเลือกนายกฯครั้งแรกแล้วไม่ผ่าน ในการโหวตครั้งถัดไป ควรให้โอกาสพรรคการเมืองอันดับ 2 เสนอชื่อ ไม่ควรเสนอชื่อเดิมซ้ำ เพราะไม่ใช่การเลือกหัวหน้าห้องโดยระบุว่า เลยเวลาเลือกหัวหน้าห้องของตนมานานมากแล้ว ตอนนั้นเลือกตั้งแต่เด็ก ๆ จำไม่ได้ว่าเลือกกันยังไง แต่ตนเชื่อว่าต้องดูที่ตัวเลข ความจริงก็ควรให้โอกาสเขา ในการโหวตครั้งที่ 2
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง “ประเสริฐ” ชี้ไม่มีแผนสำรองถ้า “พิธา” ไม่ผ่านโหวตนายกฯ รอบแรก
ส่วนจะผ่านไปได้ด้วยดีหรือไม่นั้น นายเศรษฐา กล่าวว่า ตามที่ได้คุยกับพรรคก้าวไกล รวมถึงการให้สัมภาษณ์ของหัวหน้าพรรคก้าวไกล นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ลิ้มเจริญรัตน์ ก็คาดว่า จะได้ 376 เสียง
ส่วนกรณีที่พรรคก้าวไกล จะได้เสียงจาก ส.ว.ในขณะที่ ส.ว.ส่วนใหญ่บอกจะไม่สนับสนุน จนมีกระแสข่าวว่า มีการซื้อเสียงแลกโหวตให้นายพิธา โดยระบุว่า เรื่องดังกล่าวตนไม่ทราบ “เรื่องการซื้อเสียงเราไม่เห็นด้วยอยู่แล้ว ควรใช้เหตุผลในการคุยกันมากกว่า” พร้อมระบุว่า เรื่องนี้สำคัญ และเป็นเรื่องของประเทศชาติ ประชาชนได้พูดแล้วว่าอยากได้ฝ่ายใดมาจัดตั้งรัฐบาล
สำหรับเงื่อนไขหลักของ ส.ว.ในประเด็นการแก้ไข ม.112 จะเป็นข้ออ้างในการโหวตเลือกนายพิธา เป็นนายกฯ หรือไม่ นายเศรษฐา ระบุว่า ส.ว.หลายคนก็ออกมาแสดงความคิดเห็น แต่เชื่อว่าไม่เกิน 10 คน ซึ่ง ส.ว.มีถึง 250 คน ซึ่งอาจมีพลังเงียบ ที่เห็นกับการจัดตั้งรัฐบาลของพรรคก้าวไกล และพรรคเพื่อไทย “หวังว่าจะร่วมกันได้ด้วยดี”
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง “ชัยธวัช” หวังได้ “นายกฯ ” ตั้งแต่โหวตครั้งแรก เร่งทำความเข้าใจ ส.ว.
ส่วนการที่ ส.ว.ส่วนหนึ่งมองว่า แม้แต่ในร่าง MOU ของ 8 พรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาลก็ยังไม่มีเรื่องการแก้ไข ม.112 และเหตุใดพรรคก้าวไกลจึงไม่ลดเพดานเรื่องนี้ลงและผลักดันให้นายพิธาเป็นนายกฯนายเศรษฐา กล่าวว่า เรื่องนี้ต้องไปถามพรรคก้าวไกลเพราะเป็นผู้เขียนเรื่องนี้มา ส่วนเราเป็นพรรคอันดับ 2
เมื่อถามถึงการจัดตั้งรัฐบาลหากล่าช้าจะส่งผลต่อการแก้ไขปัญหาให้ประชาชนไปด้วยหรือไม่ นายเศรษฐา ย้ำว่า นี่เป็นปัญหาที่ตนชี้นำมานานแล้ว นักการเมืองอย่างเราลืมไปว่า มาทำกิจกรรมการเมืองเพื่ออะไร เรามาทำเพื่อช่วยเหลือประชาชน
2 เดือนที่มีการเลือกตั้งไป ผลออกมาชัดเจน และ กกต.ก็รับรองแล้ว แต่ยังไม่มีนายกฯ มันก็ลำบาก จะบริหารจัดการประเทศอย่างไร ถ้ามีการเลือกนายกฯได้เร็ว ๆ และฟอร์มรัฐบาลได้ภายในต้นเดือน ส.ค. กว่าจะใช้งบประมาณของปี 2567 ได้ ก็กลางเดือน มี.ค.จึง อยากวิงวอนให้ทุกอย่าง ผ่านไปได้ด้วยดี
อย่างเช่นพรรคเพื่อไทยก็ไม่ได้หยุดนิ่ง ได้มีการลงพื้นที่ศึกษาปัญหาต่าง ๆ หากได้เข้าร่วมรัฐบาลจริงตามที่พูดกันไว้ เราจะได้ดำเนินการได้เลย นี่เป็นความหวังที่เรามองไว้
ส่วนผลกระทบต่อภาคการลงทุน นายเศรษฐา ระบุว่า ขณะนี้เรายืนอยู่บนปากเหว ตัวเลขส่งออกติดลบ หนี้ครัวเรือนอยู่ที่ 90% การลงทุนจากต่างประเทศก็ชะงัก เพราะไม่แน่ใจในทิศทางของรัฐบาลใหม่ และอีก 3 เดือนก็จะเข้าสู่ไฮซีซั่นของการท่องเที่ยว แต่ยังมีปัญหาเรื่องวีซ่า เรื่องโลจิสติกส์ เรื่องการบริหารจัดการสายการบิน ถือเป็นเรื่องเร่งด่วนที่ต้องรีบดูแล
ส่วนการแบ่งโควตากระทรวงในพรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาล นายเศรษฐา คาดว่า ยังอยู่ในการต่อรองแต่จากที่ได้ยินมาก็น่าจะลงตัวกันหมดแล้ว ส่วนตัวไม่ได้อยู่ในคณะทำงานที่ถกกันเรื่องนี้ ตามความเข้าใจของตนคงเป็นตามที่สื่อเสนอ
อ่านข่าว “วันนอร์” หวัง 13 ก.ค. โหวตนายกฯ ฉลุย เชื่อ ส.ว.ใช้ดุลยพินิจเพื่อประเทศ
ส่วนกระแสข่าวอดีตนายกฯ นายทักษิณ ชินวัตร ยืนยันจะเดินทางกลับประเทศไทยในเดือนนี้ ตนไม่ทราบข่าว แต่นายทักษิณก็ยืนยันหลายครั้งแล้วว่า หากกลับมาก็เป็นเรื่องส่วนตัวของท่าน ไม่กระทบเรื่องของพรรค จะเข้ากระบวนการทางกฎหมาย ส่วนจะทำให้ทิศทางการเมืองเปลี่ยนหรือไม่นั้น นายทักษิณ ย้ำแล้วว่า การกลับมาไม่ได้เกี่ยวข้องกับพรรค และการจัดตั้งรัฐบาล การบริหารจัดการประเทศ ดังนั้นจึงไม่เกี่ยวข้องกัน
นายเศรษฐา ยังย้ำว่าเราเลือกตั้งเสร็จแล้ว เลือกตั้งจบแล้ว เราก็อยากให้การโหวตนายกฯในวันที่ 13 ก.ค.นี้ เป็นไปได้ด้วยดี ก่อนยืนยันพรรคเพื่อไทยไม่แตกแถว สนับสนุนนายพิธา เป็นนายกฯคนที่ 30 ของประเทศไทย
ติดตาม ถ่ายทอดสด และ รายการพิเศษ “เลือกนายกฯ เลือกอนาคตประเทศไทย” ในวันที่ 13 ก.ค. ทางไทยพีบีเอส ตั้งแต่เวลา 08.00-12.00 น.
ติดตาม ถ่ายทอดสด และ รายการพิเศษ “เลือกนายกฯ เลือกอนาคตประเทศไทย” ในวันที่ 13 ก.ค. ทางไทยพีบีเอส ตั้งแต่เวลา 08.00-12.00 น.
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง :
“วันนอร์” ย้ำ ยังคาดผลเลือกนายกฯไม่ได้
จับกระแสการเมือง : วันที่ 6 ก.ค.2566 เช็กเสียง ส.ว. โหวต “พิธา” นายกคนที่ 30
