วันนี้ (10 ก.ค.2566) นพ.อำพล จินดาวัฒนะ สมาชิกวุฒิสภา กล่าวถึงการโหวตให้กับ 8 พรรคเสียงข้างมาก ให้เป็นนายกรัฐมนตรี ว่า ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตาม ไม่ได้ดูเรื่องตัวบุคคล หรือพรรคใดพรรคหนึ่ง เพราะถือเป็นเสียงของประชาชน ที่มาจากการเลือกตั้งจึงต้องเคารพ เป็นหลักการและเหตุผลเดียวกัน กับการเลือกนายกรัฐมนตรีเมื่อปี 2562
วันนี้ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะตั้งตัวเป็นใหญ่ ไปตรวจสอบนายกรัฐมนตรี ก่อนที่จะมีการโหวต หรือทำอะไรที่ขวางเสียงของประชาชน ตนยืนยันว่า ไม่เคยได้รับการประสานจากพรรคเพื่อก้าวไกล และก็ไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกับการเมือง เพราะเป็น ส.ว.สรรหา
เมื่อปี 2562 ส.ว.ก็เลือกมาแล้วไม่เห็นมีการตรวจสอบอะไร เพราะโหวตให้พรรคที่มีเสียงข้างมาก เกิน 250 คน เป็นนายกรัฐมนตรี มาตรฐานมีอยู่แล้วเที่ยวนี้จะโหวตใครก็ต้อง โหวตตามมาตรฐานเดิม
ส่วนการแก้ไข มาตรา 112 จะเป็นปัจจัยที่จะโหวตหรือไม่ นพ.อำพลกล่าวว่า เรื่องอื่นไม่ได้นำมาพิจารณา เพราะเป็นการเลือกเข้าสู่ตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ส่วนพรรคการเมืองจะเสนอกฎหมายอะไรเป็นขั้นตอนของฝ่ายนิติบัญญัติในอนาคต และมีหลายพรรคการเมืองต้องการเสนอกฎหมายควรมองทั้งหมดไม่ใช่แค่พรรคเดียว
หากเสนอกฎหมาย ที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญก็ไม่สามารถทำได้ แต่หากถูกต้องตามรัฐธรรมนูญก็ต้องเข้ากระบวนการรับหลักการ ผ่านความเห็นของเสียงข้างมาก ซึ่งไม่เกี่ยวกับการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี
ดังนั้นหากไปผูกโยงว่า ไม่ควรเป็นนายกฯ คิดว่าเป็นการทำเกินหน้าที่ เพราะหน้าที่ขณะนี้คือการเคารพเสียงประชาชน ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะไม่เลือกเพราะประชาชนเสียงส่วนใหญ่ เลือกเข้ามาก็ต้องเคารพเสียง ไม่เช่นนั้นจะเลือกตั้งทำไม ถ้าเอาเหตุผลอื่นมาลบล้างเสียงข้างมาก ก็จะไม่เป็นประชาธิปไตยที่มาจากการเลือกตั้ง
ส่วนที่มีเสียงวิจารณ์ว่า คนที่เคยปิดสวิตช์ ส.ว. มาวันนี้กลับเปลี่ยนจุดยืนทำหน้าที่จะโหวต นพ.อำพล กล่าวว่า แม้จะเป็นหนึ่งใน ส.ว.ที่ ลงมติปิดสวิตช์ไม่ให้ ส.ว.เลือกนายกรัฐมนตรี
เห็นว่า ถ้าเป็นประชาธิปไตยแท้ๆ ส.ว.ที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง ควรปล่อยให้ ส.ส. 500 คน เป็นคนตัดสินใจ ผมจึงโหวตเห็นด้วยทุกครั้งที่มีการเสนอให้ปิดสวิตช์ และเพื่อน ส.ว.เกือบ 30 คนก็เห็นด้วย แต่ที่ผ่านมายังไม่สามารถแก้ไขมาตรานี้ได้ ดังนั้นในวันนี้มีหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญ จากนี้ไปต้องทำหน้าที่ ในการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
ชี้ชะตา “พิธา” ก่อนชี้ชะตาประเทศไทย กับนายกฯ คนใหม่
“วันนอร์” พร้อมโหวตนายกฯ จัดพื้นที่รับมวลชนให้กำลังใจ “พิธา” 13 ก.ค.