วันนี้ (11 ก.ค.2566) น.ส.เย็นฤทัย จงถนอม ผอ.โรงเรียนราชินีบน กล่าวว่า ในวันที่ 13 ก.ค.นี้ โรงเรียนประกาศแจ้งหยุดเรียนกรณีพิเศษ 1 วัน ในวันที่ 13 ก.ค.นี้ เนื่องจากจะมีการประชุมร่วมรัฐสภา เพื่อเลือกนายกรัฐมนตรี
โดยสถานีดำรวจนครบาลสามเสน และสถนีตำรวจนครบาลบางโพ ได้ประสานขอความร่วมมือให้โรงเรียนราชินีบนหยุดเรียนเป็นเวลา 1 วัน เนื่องจากจะต้องดูแลภาคประชาชนบางกลุ่มที่ออกมาเคลื่อนไหวชุมนุมบริเวณหน้ารัฐสภา ซึ่งจะมีการปิดเส้นทางการจราจรตั้งแต่บริเวณด้านหน้าบริษัท บุญรอดบริวเวอรี่ จำกัด จนถึงแยกเกียกกาย
ดังนั้นเพื่อเป็นการหลีกเลี่ยงปัญหาการจราจรติดขัด บริเวณถนนสามเสนในวันดังกล่าว โรงเรียนราชินีบน จึงขอประกาศหยุดเรียนกรณีพิเศษเป็นเวลา 1 วัน แต่จะจัดให้มีการเรียนการสอนออนไลน์ผ่านทาง google classroom และขยายระยะเวลาการเรียนการสอน การสอบปลายภาคออกไปเพื่อให้นักเรียนมีเวลาเรียนครบตามที่กระทรวงศึกษาธิการกำหนด โดยจะแจ้งรายละเอียดให้ทราบในภายหลัง
อ่านข่าวเพิ่ม จับกระแสการเมือง : วันที่ 11 ก.ค.2566 หืดจับ “พิธา” ว่ายฝ่ากระแสคลื่น ลอยคอให้ “ส.ว.” ประคองปีก
อานนท์ นำภา วิเคราห์กลุ่มผู้ชุมนุมวันโหวตนายกฯ 13 ก.ค.นี้
“อานนท์” คาดมวลชน 14 กลุ่ม 10,000 คน
นายอานนท์ นำภา แกนนำกลุ่มราษฎร ประเมินสถานการณ์การนัดรวมตัวที่อาคารรัฐสภา 13 ก.ค.นี้ ในวันเลือกนายกรัฐมนตรีว่า เป็นการประเมินจากหน่วยงานความมั่นคงที่จะมา 14 กลุ่ม แต่ส่วนตัวเชื่อว่าคนที่จะมาจริงๆ จะเป็นแบบออแกนิกนัดกันมาอาจจะมากกว่าที่คาดการณ์ไว้ เกินกว่า 10,000 คน
หากวันที่ 13 ก.ค.เลือกนายกรัฐมนตรีได้ ก็คงมีการเฉลิมฉลองของผู้ชุมนุม แต่ถ้าไม่ได้ ข้อเรียกร้องที่เป็นนโยบายของพรรคก้าวไกล ทั้งการแก้ไขมาตรา 112 หรือนโยบายเกี่ยวกับกองทัพ และความมั่นคงที่เป็นปัญหาเกี่ยวกับโครงสร้าง จะถูกนำมาพูดถึงบนท้องถนนอีกครั้ง และหน่วยงานด้านความมั่นคงไม่ค่อยสบายใจ แต่ถ้านายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ไม่ได้เป็นนายกรัฐมนตรี พลังของการชุมนุมน่าจะเพิ่มสูงขึ้นแน่นอน
นายอานนท์ กล่าวถึงกรณีที่หากไม่สามารถเลือกได้ในรอบแรก การชุมนุมจะมีทิศทางเพิ่มมากขึ้น จะไม่มีลักษณะแกนนำชัดเจน และคงไม่ถึงขั้น น.ส.พรรณิการ์ วานิชหรือนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ จะมาเป็นแกนนำการชุมนุม เชื่อว่ายังคงเป็นการชุมนุมแบบออแกนิค
จุดแตกหักการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี อยู่ที่ผล และเหตุผลว่า ส.ว.จะให้ผ่านหรือไม่ผ่าน เพราะสังคมมีความชัดเจนว่าอยากให้พรรคไหนเข้ามาแก้ปัญหา
สำหรับการโหวตเลือกนายกฯ 3 รอบแรกที่ไม่ได้แล้วพลิกกลับมาเป็นเพื่อไทย เป็นแกนนำ นายอานนท์ กล่าวว่า ประชาชนคนรุ่นใหม่ อยู่บนหลักการคือเสียงข้างมากมีอภิสิทธิ์ ในการจัดตั้งรัฐบาลบนเงื่อนไขที่ว่าพรรคฝ่ายประชาธิปไตยต้องไม่ไปจับมือเป็นนั่งร้าน หรือเชิญฝ่ายเผด็จการเข้ามาร่วม เพื่อเป็นการฟอกขาวให้ตัวเอง
นอกจากนี้ ไม่ว่าใครจะมาเป็นนายกรัฐมนตรี หลักการอยู่ที่นโยบาย และความฝันว่ามาตรา 112 ของพวกเราจะได้ถูกนำไปอภิปราย เพื่อนำไปสู่การแก้ไขหรือไม่ รวมถึงเรื่องอำนาจทหารฝ่ายเศรษฐกิจ ธุรกิจ ทุนใหญ่ที่ครอบงำสังคม จะถูกแก้ไขหรือไม่
วันนี้ไม่ได้ยึดติดอยู่ที่นายพิธา แต่ยึดติดที่โครงสร้างและนโยบาย ความชัดเจนของพวกเราและประชาชนทั่วประเทศเป็นฉันทามติให้รัฐบาลเสียงส่วนใหญ่ 70% เป็นสิ่งที่คาดหมายว่าให้สภาและการเมืองเดินไปปกติ
อ่านข่าวเพิ่ม “ประยุทธ์” ประกาศวางมือการเมือง ลาออกพรรค รทสช.
ยอมรับกระบวนการยุติธรรม-อย่าใช้อำนาจนอกระบบ
นายอานนท์ ยังยอมรับเงื่อนไขทางการเมืองทุกอย่างเป็นไปได้ทั้งสิ้น แต่ต้องให้การเมืองเดินหน้าบนความเสียหายของรัฐสภาน้อยที่สุด ซึ่งถ้าไม่ให้เสียหายเลยก็คือโหวตนายพิธา ให้รัฐบาลก้าวไกลและเพื่อไทย เป็นแกนนำช่วยกัน บริหารประเทศ
ส่วนตัวไม่ปฏิเสธเรื่องการตรวจสอบถ่วงดุล จากส.ว. กกต.และศาลรัฐธรรมนูญ แต่ขอให้จุดเริ่มต้นก้าวไปได้แล้วค่อยไปว่ากัน เพราะสังคมโดยรวมจับตาอยู่ ไม่ว่าส.ส. ส.ว.องค์การอิสระ ไม่หลุดรอดการตรวจสอบของประชาชน
นานอานนท์ กล่าวว่า หากนายพิธาได้เป็นนายกรัฐมนตรี อาจจะมีความเคลื่อนไหวของมวลชนฝ่ายตรงข้าม เป็นเรื่องปกติ
ส่วนตัวเห็นว่าอยากให้มีการตรวจสอบแจ้งความ เพื่อให้กระบวนการยุติธรรมเดินหน้าด้วยความเสมอภาค แต่การจะเรียกร้องนอกเหนือรัฐธรรมนูญไม่ควรทำ เช่นเรียกร้องให้ทหารออกมาปฏิวัติ หรือใช้อำนาจนอกระบบ ไม่ว่าจะอยู่สีไหนต้องหยุดวงจรอุบาทนี้ให้ได้ สังคมบอบช้ำมามากแล้ว
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
กกต. นัดถกต่อปม “พิธา” ถือหุ้น ITV พรุ่งนี้ ย้ำยึดกฎหมาย
8 ปี 322 วัน เส้นทางการเมืองของ “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” นายกฯ คนที่ 29 ของไทย
