หน้าแรก Voice TV 'ป้อม' ปัดตอบ ส.ว. สาย 'ตู่' ดันนั่งนายกฯ  ‘พปชร.’ ชัดไม่โหวต นายกฯ พรรคแก้ ม.112

'ป้อม' ปัดตอบ ส.ว. สาย 'ตู่' ดันนั่งนายกฯ  ‘พปชร.’ ชัดไม่โหวต นายกฯ พรรคแก้ ม.112

70
0
'ป้อม'-ปัดตอบ-สว-สาย-'ตู่'-ดันนั่งนายกฯ -‘พปชร’-ชัดไม่โหวต-นายกฯ-พรรคแก้-ม.112

‘ป้อม’ ยัน ‘ตู่’ ไม่มีปรึกษาก่อนประกาศวางมือ ปัดตอบเปิดทาง ส.ว. สายประยุทธ์ ดันนั่งนายกฯ ‘ธรรมนัส’ ชัดเจน ‘พปชร.’ ไม่โหวตให้พรรคแก้ ม.112 เด็ดขาด พร้อมยืนยันไม่เสนอนายกฯ

วันที่ 11 ก.ค. ที่พรรคพลังประชารัฐ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีในวันที่ 13 ก.ค. นี้ว่า “ขอให้ถามเลขาธิการพรรค (สันติ พร้อมพัฒน์)” 

ส่วนกรณีที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานกำหนดยุทธศาสตร์พรรครวมไทยสร้างชาติประกาศวางมือทางการเมืองนั้น พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า “ก็ต้องไปถาม พล.อ.ประยุทธ์ สิ มาถามอะไรเรา”

ผู้สื่อข่าวถามต่อว่า ได้พูดคุยกับ พล.อ.ประยุทธ์ บ้างหรือไม่ พล.อ. ประวิตร กล่าวว่า ไม่ได้คุยกัน วันนี้ไม่ได้เจอกัน ส่วนมาปรึกษาก่อนประกาศวางมือหรือไม่ พล.อ.ประวิตร ไม่ตอบแต่ส่ายหัวเป็นคำตอบ 

เมื่อถามความเห็นกรณีที่ พล.อ.ประยุทธ์ ลาออกเพื่อเปิดทางให้ ส.ว. โหวต พล.อ.ประวิตร เป็นนายกรัฐมนตรี หรือไม่ พล.อ.ประวิตร ไม่ได้ตอบคำถาม และขึ้นรถยนต์เดินทางกลับจากที่ทำการพรรคพลังประชารัฐทันที

‘ธรรมนัส’ ชัด ‘พปชร.’ ไม่โหวตให้พรรคแก้ ม.112

วันที่ 11 ก.ค. ที่พรรคพลังประชารัฐ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ส.ส.พะเยา และประธานยุทธศาสตร์ภาคเหนือ พรรคพลังประชารัฐ แถลงภายหลังการประชุมพรรคว่า มีสาระสำคัญ ได้แก่ 1.การเลือกผู้แทน ซึ่งเป็น ส.ส.ของพรรคในการทำหน้าที่ประสานกับพรรคอื่นๆ ซึ่งเวลานี้ยังไม่รู้ว่าพรรคเราอยู่ในสถานะใด โดยผู้ทำหน้าที่ประสานดังกล่าว มีตน เป็นประธาน อนันต์ ผลอำนวย ส.ส.กำแพงเพชร เป็นรองประธานคนที่ 1 อรรถกร ศิริลัทยากร ส.ส.ฉะเชิงเทรา รองประธานคนที่ 2  

IMG_1549.jpg

ประเด็นที่สอง พรรคพลังประชารัฐมีจุดยืนชัดเจนว่าจะไม่เสนอผู้ดำรงตำแหน่งนายกฯ โดยใช้เสียงข้างน้อยอย่างเด็ดขาด และประเด็นที่ 3 เราจะไม่โหวตให้กับผู้ที่จะมาดำรงนายกรัฐมนตรีที่มีนโยบายในการแก้ไขมาตรา 112 อย่างเด็ดขาด

ผู้สื่อข่าวถามว่า หมายความว่าถ้าเป็น พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคและแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคก้าวไกล พรรคพลังประชารัฐจะไม่โหวตให้ใช่หรือไม่ ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า ไม่ว่าท่านใดก็ตามที่มีนโยบายเกี่ยวข้องกับแก้ไขมาตรา 112 และเนื่องจากพรรคพลังประชารัฐในการเลือกตั้งครั้งนี้ เราเป็นพรรคที่มี ส.ส.อยู่ลำดับที่ 4 ดังนั้น ขั้นตอนต่อไป หากเกิดอะไรก็ตามขึ้นเราต้องให้พรรคที่มีเสียงรองลงมาในการจัดตั้งรัฐบาล

เมื่อถามว่า หากพรรคที่มีเสียงรองลงมา มาติดต่อพรรคพลังประชารัฐในการจัดตั้งรัฐบาล โดยไม่มีพรรคก้าวไกล ก็สามารถที่จะทำงานด้วยกันได้ใช่หรือไม่ ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า ก็จะมีการประชุมคณะกรรมการบริหารพรรคและ ส.ส.อีกครั้งเพื่อขอมติพรรค 

และหากเป็นพรรคเพื่อไทย พลังประชารัฐจะโหวตให้หรือไม่ ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า ไม่ว่าจะเป็นพรรคใดก็ตามหากมีนโยบายชัดเจน ไม่แตะมาตรา 112 พรรคเราก็มีนโยบายชัดเจนว่าก้าวข้ามความขัดแย้ง แต่ยกเว้นในเรื่องการแก้มาตรา 112 เท่านั้น

เมื่อถามว่า จากประสบการณ์ทางการเมือง การโหวต พิธา ในวันที่ 13 ก.ค.จะผ่านหรือไม่ ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่าต้องไปดูเสียงส่วนใหญ่ในสภา เพราะเสียงในสภามี 750 เสียง ไม่ใช่ 500 เสียง รัฐสภา ซึ่งประกอบไปด้วย ส.ส. และ ส.ว. 750 คน ที่จะลงฉันทามติในเสียงของเขาว่าจะเลือกใคร ดังนั้น จะให้ได้ดังใจมันคงเป็นไปไม่ได้ มันต้องยึดตามหลักกฎหมายภายใต้รัฐธรรมนูญฉบับนี้ เราเคารพเสียงส่วนใหญ่ของรัฐสภา 

“ผมเชื่อว่าใช้เวลาในการแก้ปัญหา เป็นเรื่องปกติที่เอฟซีตัวเองจะผิดหวัง แต่ทุกอย่างจะลงเอยด้วยดี ซึ่งต้องใช้เวลา”

เมื่อถามว่า เป็นห่วงการชุมนุมหน้าสภาวันที่ 13 ก.ค.หรือไม่ ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า คิดว่าเป็นเรื่องปกติที่จะมีม็อบ แต่การชุมนุมถือเป็นเรื่องละเอียดอ่อน และเราคงจะไปห้ามประชาชนไม่ได้ เรื่องนี้ฝ่ายความมั่นคงต้องดูดีๆ จะไปใช้ความรุนแรงไม่ได้เด็ดขาด เขามาแสดงจุดยืนของเขา เราต้องฟังความเห็นของเขาด้วย ซึ่ง พล.อ.ประวิตร ซึ่งดูกำกับดูแลฝ่ายความมั่นคงเน้นย้ำว่าห้ามใช้ความรุนแรงกับประชาชนเด็ดขาด 

เมื่อถามว่า ควรที่จะโหวตนายกฯให้จบภายในครั้งเดียวใช่หรือไม่ ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า เป็นกลไกของรัฐสภา ส่วนตัวก็อยากให้จบในทีเดียว แต่เมื่อไม่จบก็ต้องให้เวลา เช่นเดียวกันทุกอย่างต้องใช้เวลา สมมุติว่าครั้งแรกไม่ผ่านก็ต้องให้โอกาสพรรคอันดับสองในการรวบรวมพรรคร่วม ถ้าพรรคอันดับสองไม่ผ่านก็ให้พรรคอันดับสาม ฉะนั้น เราจะไม่มีการแทรกแซงเรื่องนี้อย่างเด็ดขาด

เมื่อถามว่า หากครั้งแรก พิธา โหวตไม่ผ่าน ไม่ควรมีชื่อครั้งที่ 2 แล้วใช่หรือไม่ ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า ตนหมายความว่าหากที่สุดแล้ว พรรคที่ได้เสียงอันดับหนึ่งไม่ผ่านก็ให้พรรคอันดับสองไปจัดการ อย่างไรก็ตาม ทราบว่าเรื่องนี้มีข้อบังคับของรัฐสภาอยู่ เมื่อถามว่า ถ้าพรรคอันดับสองมีปัญหา ก็ควรจะตกมาที่พรรคอันดับสามและพรรคอันดับสี่หรือไม่

เมื่อถามว่า แสดงว่า พล.อ.ประวิตรก็มีโอกาสที่จะชิงนายกฯเช่นเดียวกัน ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า เราอย่าไปพูดอย่างนั้น เอาประเด็นอันดับหนึ่งผ่านหรือไม่ผ่านก่อน และจะเป็นหน้าที่ของพรรคเพื่อไทยดำเนินการต่อไป เมื่อถามว่า ในการโหวตครั้งแรกไม่ผ่าน จะเสนอชื่อซ้ำในรอบสองได้หรือไม่ ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า เป็นเรื่องของประธานรัฐสภา ซึ่งมีกฎหมายอยู่ เป็นหน้าที่ของประธานรัฐสภาที่จะไปคุยกัน วันนี้ในที่ประชุมก็มีการเอาประเด็นนี้มาพูดคุยกัน โดยวันที่ 12 ก.ค.คงจะมีชัดเจนมากขึ้น

เมื่อถามว่าเป็นไปได้หรือไม่ที่พลังประชารัฐจะร่วมมือกับพรรครวมไทยสร้างชาติ เนื่องจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ประกาศวางมือทางการเมืองแล้ว ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า เรามีนโยบายชัดเจนว่าเราจะอยู่ของเรา เราจะไม่ไปก้าวก่ายกิจกรรมหรือกิจการของพรรคอื่นเด็ดขาด 

เมื่อถามว่า มองอย่างไรที่ พล.อ.ประยุทธ์ประกาศวางมือทางการเมือง ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า “เรื่องนี้ท่านคงคิดละเอียดแล้ว”

เมื่อถามว่า การโหวตนายกฯ ของพรรคร่วมรัฐบาลเดิมต้องเป็นไปในทิศทางเดียวกันหรือไม่ ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า เป็นเอกสิทธิ์ของแต่ละพรรค เราไม่ก้าวก่าย และจนถึงขณะนี้ยังไม่มีการพูดคุยกัน แต่จะไม่ฟรีโหวต และจะเป็นไปในทิศทางเดียวกันหมด ส่วนกรณีของ พิธร จะรอดูหน้างานก่อน แต่น่าจะงดออกเสียงเหมือน ส.ว.

เมื่อถามว่า หัวหน้าพรรคได้เน้นย้ำอะไรหรือไม่ในเรื่องของการโหวต ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า เป็นนโยบายชัดเจนว่าเราไม่สนับสนุนพรรคการเมืองที่จะเสนอแก้มาตรา 112 ส่วนจะงดหรือปฏิเสธค่อยว่ากันอีกที ซึ่งมติที่ประชุมให้ฟังตน 

อย่างไรก็ตาม ในวันดังกล่าวได้เปิดโอกาสให้แต่ละพรรคได้อภิปรายพรรคละ 20 นาที โดยได้มอบหมายให้ สัมพันธ์ มะยูโซ๊ะ ส.ส.นราธิวาส พรรคพลังประชารัฐ เป็นผู้อภิปราย ซึ่ง สัมพันธ์ เป็น ส.สในภาคใต้ก็จะเน้นเนื้อหาในส่วนเรื่องของการแบ่งแยกดินแดน

ทั้งนี้รายงานข่าวจากพรรคพลังประชารัฐ เปิดเผยว่า พล.อ.ประวิตร ได้ใช้เวลาหารือถึงทิศทางการโหวตนายกรัฐมนตรีในวันที่ 13 ก.ค. นี้ค่อนข้างนาน และได้มีการเปิดให้ ส.ส. แสดงความคิดเห็นกันอย่างหลากหลาย 

โดยช่วงหนึ่ง พล.อ.ประวิตร ได้กล่าวกับที่ประชุมว่า “พรรคเราต้องเป็นเอกภาพ เราจะไม่เอาคนที่ไม่เอา ม.112 ดังนั้น วันที่ 13 ก.ค. อาจจะโหวตงดออกเสียง” 

ขณะที่ ส.ส. อาวุโสรายหนึ่งได้แสดงความเห็นว่า มองว่า การงดออกเสียงก็เหมือนกับไม่เห็นชอบแล้ว ขณะนี้กระแสสังคมค่อนข้างแรง ถ้าโหวตไม่เห็นชอบเลยอาจจะมีผลกระทบต่อ ส.ส.ในพื้นที่ 

ส่วน ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ส.ส.พะเยา และประธานยุทธศาสตร์ภาคเหนือ ได้กล่าวว่า เห็น ส.ว.หลายคนออกมาให้สัมภาษณ์ว่า จะลงมติโดยการงดออกเสียง ทำให้ พล.อ.ประวิตร ระบุว่า ค่อยว่ากันอีกทีในวันโหวต 

นอกจากนี้ ระหว่างการประชุมซึ่งเป็นช่วงเวลาที่คาบเกี่ยวกับที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ประกาศวางมือทางการเมือง และลาออกจากสมาชิกพรรครวมไทยสร้างชาติ โดยเมื่อ มิ่งขวัญ เห็นข่าว จึงได้แจ้งกับที่ประชุมว่า พล.อ.ประยุทธ์ วางมือทางการเมือง แต่ พล.อ.ประวิตร ไม่ได้พูดอะไรเช่นเดียวกับ ส.ส.ที่ไม่ได้แสดงความเห็นอะไรต่อเรื่องนี้

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่