ยากกว่า “เข็นครกขึ้นภูเขา” คือ การที่พรรคก้าวไกลเสนอยื่นแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 272 เพื่อยกเลิกอำนาจสมาชิกวุฒิสภา (สว.) ลงมติเลือกนายกรัฐมนตรี แม้จะพอมีช่องอยู่บ้าง แต่ไม่ต่างจากการว่ายน้ำข้ามมหาสมุทร เพื่อหาฝั่งขึ้น ซึ่งไม่ง่าย เพราะนอกจากต้องได้เสียง ส.ว. ไม่น้อยกว่า 1 ใน 3 หรือ 84 คน และต้องได้ 376 เสียง หรือครึ่งหนึ่งของรัฐสภาขึ้นไปแล้ว ยังต้องได้เสียงฝ่ายค้านอีก 20 เปอร์เซ็นต์
ข้อเท็จจริง ขณะนี้ยังไม่มีฝ่ายค้านและรัฐบาล ดังนั้นข้อเสนอดังกล่าวของพรรคก้าวไกล จึงอยู่ไกลเกินจริง และไม่สามารถเกิดขึ้นได้ในเร็ววัน หากเป็นเช่นนี้ การเสนอชื่อ “พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” ให้เป็นนายกรัฐมนตรีอีกรอบในวันที่ 19 ก.ค.นี้ ตามที่กฎหมายรัฐธรรมนูญระบุไว้ แม้จะทำได้ แต่ความยาก คือ พรรคก้าวไกลจะไปหาเสียงสนับสนุนจาก ส.ว. จากไหนมาเพิ่ม
ความยากนี้ สำทับด้วยข้อความจาก “ภูมิธรรม เวชยชัย” รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทยที่ตั้งคำถามต่อพรรคก้าวไกลว่า แก้รัฐธรรมนูญมาตรา 272 เพื่ออะไรทั้งที่รู้ว่า ไม่สำเร็จและยากกว่าที่เสนอ “พิธา” เป็นนายกฯ เพียงเพื่อต้องการถ่วงเวลาและแสดงสัญลักษณ์ว่าได้ต่อสู้แล้ว แต่ไม่นึกถึงวาระประเทศไทย และวาระประชาชนที่กำลังวิกฤติและทุกข์ยาก อยู่กับความจริงและการแก้ปัญหาจากความจริงดีกว่า
“ทุกอย่างอยู่ที่พรรคก้าวไกล ที่เขาบอกว่า อนาคตของพรรคก้าวไกลอยู่ในมือประชาชน ผมบอกไม่ใช่ แต่อนาคตของประเทศและประชาชนที่กำลังเดือดร้อน อยู่ในมือของพรรคก้าวไกลและคุณพิธาต่างหาก …ถ้าคุณตัดสินใจถูกประเทศมีทางออก ถ้าคุณตัดสินใจผิด ไม่เอาวาระของประชาชนเป็นที่ตั้ง และเอาวาระของคุณ วาระการเมืองเป็นที่ตั้ง รัฐบาลข้างน้อยมา เราจะไม่มีโอกาสอีกเลย เพื่อไทย…ทดลองทำทุกอย่างให้คุณแล้ว แต่ครั้งนี้ถ้าคุณจะเสนอชื่อโหวตอีกครั้ง ต้องชัดเจน”
หากจับสัญญาณความเคลื่อนไหวทางการเมืองในขณะนี้ คล้ายเหมือนพรรคเพื่อไทยจะเป็นต่อ และคล้ายว่าพรรคก้าวไกลจะถูกสลัดออกจากพรรคเพื่อไทย ขณะที่พรรคเล็กก็เสมือนถูกต่อสายให้สลัดขั้ว ดีดตัวออกจาก MOU ที่เคยให้สัญญากัน
โดยเฉพาะท่าทีของ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย ที่ออกมาระบุเมื่อวันที่ 15 ก.ค. ที่ผ่านมาว่า …เชื่อว่าในที่สุดเพื่อให้ได้นายกคนที่ 30 ก้าวไกลคงต้องเสียสละออกมาเป็นฝ่ายค้าน เพื่อให้เพื่อไทยจัดตั้งรัฐบาลตามที่พี่น้องประชาชนต้องการ ทีนี้การจับขั้วก็จะมีอิสระมากขึ้น อาจจะไปดึงพรรคภูมิใจไทย ประชาธิปัตย์ พรรคอื่นๆ มา
จากเค้าลางความเคลื่อนไหวใช่ว่าพรรคก้าวไกลจะไม่รู้ และใช่ว่าพรรคเพื่อไทยจะตามไม่ทัน
“ภูมิธรรม” ระบุว่า …การเมืองอะไรก็เกิดได้ การเป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อย เคยเจองูเต็มฟาร์ม กล้วยเต็มสวนมาแล้ว ตอนนี้ 30 ส.ส. ของก้าวไกล และ 20 ส.ส. ของเพื่อไทย ถูกเรียกคุยเสนอกล้วย
แม้จะยังไม่มีหลักฐานชัดถึงราคากล้วยของแต่ละสวน หรืองูของแต่ละฟาร์ม ที่อาจเล็ดลอดออกมา แต่การเมืองก็คือ เรื่องผลประโยชน์ มีการต่อรองกันหน้าบ้านและหลังบ้าน ขณะเดียวกันแต่ละฝ่ายก็ใช้มวลชนขับเคลื่อนกดดันสารพัดอย่าง ทั้งในระบบและนอกระบบ
โดยวราวุธ ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา ยอมรับว่า พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ได้โทรมาทาบทามขอเสียงให้โหวตให้นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ เป็นนายกฯ โดยก้าวไกลขอให้ช่วยประสานเมื่อวันที่ 16 ก.ค. ที่ผ่านมา ชวนให้ไปร่วมรัฐบาลด้วย
...จุดยืนของพรรคชาติไทยพัฒนา ยืนยันไม่เปลี่ยน แปลงกับแนวทางเรื่องมาตรา 112 การเทิดทูนสถาบัน สิ่งนี้ถือเป็นหัวใจสำคัญ ควบคู่กันไปกับการขับเคลื่อนแก้ไขปัญหาให้กับพี่น้องประชาชน และปัญหาของประเทศ
กลับมาดูปฏิกิริยาของพรรคก้าวไกลหลังจากวันแพ้โหวตในสภา ก็ใช้ยุทธวิธีเคลื่อนไหวหลายรูปแบบ
นอกจากจะไม่ยอมถอยขอลุ้นโหวตนายกฯ อีกรอบแล้ว เมื่อ 15 ก.ค.“พิธา” ยังอัดคลิปอ้อน ขอโอกาสลุ้นให้ถูกเสนอชื่อนายกฯ เป็นครั้งที่ 2 และหากพรรคก้าวไกลไม่มีโอกาสเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลได้จริงๆ ก็จะเปิดโอกาสให้ประเทศไทย ให้พรรคอันดับ 2 คือ พรรคเพื่อไทย ได้จัดตั้งรัฐบาลภายใต้ MOU ที่ทำร่วมกันไว้ และพร้อมสนับสนุนแคนดิเดตนายกฯ ของพรรคเพื่อไทย
ขณะยังยืนยันแก้มาตรา 272 เพื่อปิดสวิตช์ ส.ว. ต่อไป หากไม่สำเร็จ จะเปิดทางให้พรรคเพื่อไทยเสนอแคนดิเดต และก้าวไกลจะยังมีสถานะเป็นพรรคร่วมรัฐบาลเพื่อหนุนโหวตเพื่อไทย
แม้ก้าวไกลไม่ได้ปฏิเสธว่า วิธีนี้จะทำคู่ขนานกับการกดดัน ส.ว. ผ่านกลุ่มมวลชนและด้อมส้มที่สนับสนุน ทั้งในโลกโซเชียลและขบวนคาร์ม็อบตระเวนไปทั่วเมืองเป็นกองหนุน แต่การขับเคลื่อนที่มีนัยทุกฝ่ายต่างทราบดี
อีกด้านหนึ่งก็ส่งคนกลางไปเจรจากับตัวแทนพรรคต่างๆให้เข้าร่วมรัฐบาลเพื่อโหวตให้พิธา พูดง่ายๆ คือ พรรคก้าวไกลไม่ได้ยอมแพ้ และยังต้องการตำแหน่งนายกฯ
การเข็นครกฝ่าด่าน ส.ว. และเสนอแก้มาตรา 272 เพื่อไปโหวตต่อตำแหน่งนายกฯ อีกครั้งว่ายากแล้ว “พิธา” ยังเจอมรสุมลูกใหญ่ตามมาอีกในวันเดียวกัน เมื่อศาลรัฐธรรมนูญนัดพิจารณาคำร้องสถานะปมถือหุ้นสื่อ ซึ่งยังต้องลุ้นว่า หากรับไว้วินิจฉัยแล้วจะสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่ ส.ส. ด้วยหรือไม่
ส่วนเพื่อไทยเหมือนจะช่วยแต่ขยี้ซ้ำ โดยขอให้ก้าวไกลในฐานะพรรคแกนนำยืนยันตัวเลข ส.ว. ชัดๆ ที่จะมาโหวตสนับสนุนเพิ่มในวันนั้นอีก ซึ่งดูทรงแล้ว ยากยิ่งกว่าเข็นครกข้ามมหาสมุทรเลยทีเดียว