หน้าแรก Thai PBS จับกระแสการเมือง : วันที่ 18 ก.ค.2566 “เป้าหมาย” มีไว้พุ่งชน ใครแรง แซงเข้าวิน

จับกระแสการเมือง : วันที่ 18 ก.ค.2566 “เป้าหมาย” มีไว้พุ่งชน ใครแรง แซงเข้าวิน

74
0
จับกระแสการเมือง-:-วันที่-18-กค.2566-“เป้าหมาย”-มีไว้พุ่งชน-ใครแรง-แซงเข้าวิน

ปิดประตูไปแล้ว แม้ล่าสุด ชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกลจะแบ่งรับแบ่งสู้ เมื่อมีกระแสข่าวพยายามต่อสายหา “เสี่ยต่อ” เฉลิมชัย ศรีอ่อน เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ โดยระบุว่า แค่ถามไถ่สารทุกข์สุกดิบกันธรรมดาเท่านั้น แต่ความแตกเมื่อ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย ยอมรับว่า ตัวเองรับเป็นสะพานของก้าวไกล ทอดไปประชาธิปัตย์ – ชาติไทยพัฒนาจริง เพื่อให้การเมืองเดินหน้าส่ง “พิธา” เข้าทำเนียบนายกฯ

สำรวจท่าทีของประชาธิปัตย์ ผ่าน “จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์” อดีตหัวหน้าพรรคฯ ย้ำว่า จุดยืนพรรคประชาธิปัตย์ชัดเจนในเรื่องการโหวตนายกฯ คือ การไม่แตะมาตรา 112 ไม่มีอะไรเปลี่ยน และยังไม่ขอตอบหากมีการเสนอชื่อนายกฯ จากพรรคเพื่อไทย เพราะเป็นเรื่องที่ยังไม่เกิดขึ้น และหากพรรคมีมติอย่างไร การโหวตก็จะเป็นไปทิศทางเดียวกัน

ไม่ต่างจาก พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ที่โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัวว่า ทุกอย่างยังเหมือนเดิม คือ ไม่เสนอแคนดิเดตนายกฯ ไม่ตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อย และไม่โหวตให้แคนดิเดตพรรคฯ ที่มีนโยบายแก้ไขมาตรา 112 แบ่งแยกการปกครอง

ขณะที่เจ้าพ่อลุ่มน้ำสะแกกรัง “ชาดา ไทยเศรษฐ์” รองหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ย้ำกับ อานนท์ กลิ่นแก้ว ประธานศูนย์รวมประชาชนปกป้องสถาบัน (ศปปส.) และประชาชนจำนวนหนึ่งที่เดินทางมาให้กำลังใจที่พรรคฯ ว่า ใครที่มายุ่งกับมาตรา 112 เราไม่ลงความเห็นให้ และไม่ยุ่งกับพรรคที่แก้ไขมาตรา 112 ไม่ตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อย

ส่วนเรื่องทัวร์มาลงนั้น ชาดาบอกว่า ไม่ได้ท้าทายใคร แต่พฤติกรรมแบบนี้ ไม่น่าจะมีในสังคมไทย มันเป็นพฤติกรรมของอันธพาล เพราะไปขู่ลูก สส. สว. ซึ่งลูกสาวของตนก็โดน แต่ไม่สนใจ เราถือว่าคนพวกนี้ไม่มีค่า กับที่เราจะไปแคร์

เช่นเดียวกับ “ท็อป” วราวุธ ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา แม้จะได้รับเทียบเชิญจากพรรคก้าวไกล ผ่านมาทาง พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ได้ระบุว่า เราให้ความสำคัญกับมาตรา 112 สูงสุด และหากพรรคเพื่อไทยไม่มีนโยบายแก้ไขมาตรา 112 ก็น่าจะคุยกันได้

ขณะที่พรรคพลังประชารัฐ หลัง “ลุงป้อม”  พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคฯตอบชัดๆ วันโหวต ไม่เห็นชอบให้ “พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” นั่งนายกฯแล้ว ในวันเดียวกันก็ลงนามคำสั่งแต่งตั้ง ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า , อนันต์ ผลอำนวย และ อรรถกร ศิริลัทธยากร เป็นผู้ประสานงาน สส. ของพรรคพลังประชารัฐ โดยผู้กองธรรมนัสทำหน้าที่เป็นประธาน

การแต่งตั้งให้ ร.อ.ธรรมนัส ทำหน้าที่ประสานงาน ส.ส. ของพรรคพลังประชารัฐ เหมือนไม่มีอะไร แต่อีกด้านหนึ่งในฐานะมือประสานงานเก่า ก็คงดูไม่ยากว่า มีการขยับเขยื้อนเคลื่อนไหวอะไรกันบ้างแล้ว

ทั้งหมดเป็นลีลาและท่าทีของ 5 พรรคการเมือง ปชป.-รทสช. และ ภท. , พปชร, และชาติไทยพัฒนา ที่ยังยืนหยัดคำตอบเดิมชัดเจนคือ ไม่แก้ไขมาตรา 112 ..ซึ่งเฉพาะชาติไทยพัฒนาแง้มประตูไว้บ้าง แต่พรรคลุงป้อม ที่เป็นเสือยังซุ่มเงียบรอจังหวะตะปบเหยื่อ

ข้ามฝั่งกลับมาที่พรรคร่วมฝ่ายประชาธิปไตย แพทองธาร ชินวัตร ประธานครอบครัวเพื่อไทย บอกว่ายังหนุน พิธา เป็นนายกฯ เต็มที่และเตรียมลงมติตามมติ 8 พรรคร่วม และจะทำทีละสเต็ป เพราะไม่ต้องการทำให้ประชาชนไม่สบายใจ และไม่ทราบว่าพรุ่งนี้จะเกิดอะไรขึ้น

แพทองธาร ระบุว่า ในวันที่ประเทศประสบวิกฤติเช่นนี้ คิดว่า ตัวเลือกที่ดีที่สุดกับประเทศชาติ คือ เศรษฐา ทวีสิน ที่จะเข้ามาช่วยแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ หากเพื่อไทยได้จัดตั้งรัฐบาล แต่หากไม่ได้เราพร้อมที่จะร่วมทำงานกับฝ่ายต่างๆ ที่จะช่วยประเทศชาติแก้ปัญหา

ถ้าเราต้องเป็นหัวหน้ารัฐบาลและต้องเลือกจากเรา เราก็มองว่าเป็น เศรษฐา ทวีสิน และก็พร้อมสนับสนุนเต็มที่ในทุกด้าน

หากสำรวจความพร้อมของเศรษฐา จะเห็นได้ว่า มีการส่งสัญญาณมาตั้งแต่วันที่ 17 ก.ค.ที่ผ่านมาว่า “ปัญหาประชาชน ล่าช้าไม่ได้ เร่งตั้งรัฐบาลประชาธิปไตยแก้ไขวิกฤติ”

ด้านพรรคไทยสร้างไทยของคุณหญิงหน่อย “สุดารัตน์ เกยุราพันธุ์” ประกาศจุดยืนผ่าน ฐากร ตัณฑสิทธิ์ เลขาฯพรรคว่า พร้อมจ่ายบอลให้พิธาเข้าไปยิงประตูอีกครั้ง และหากมีการเปลี่ยนแปลงเป็นแนวอื่นก็พร้อมสนับสนุน

ความเคลื่อนไหวสุดท้ายของพรรคก้าวไกล ก่อนจะโหวตนายกฯ รอบ 2 ในวันพรุ่งนี้ (19 ก.ค) ยังสร้างกระแสต่อเนื่อง เมื่อ ส.ส.ก้าวไกล ไปยื่นชุดกฎหมายเปลี่ยนประเทศ “ปฏิรูปกองทัพ- ปิดช่องทุนผูกขาด” ที่สภา

ต่างฝ่ายต่างมีเป้าหมายเพื่อพุ่งชนด้วยกันทั้งสิ้น มีคำถามคือ ชาวบ้านจะต้องรออีกนานหรือไม่ กว่าจะได้รัฐบาลใหม่มา

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่