หน้าแรก Voice TV แอฟริกาใต้ชี้จับ ‘ปูติน’ ไม่ได้ ถ้าจับขณะเยือนเท่ากับ “การประกาศสงคราม”

แอฟริกาใต้ชี้จับ ‘ปูติน’ ไม่ได้ ถ้าจับขณะเยือนเท่ากับ “การประกาศสงคราม”

75
0
แอฟริกาใต้ชี้จับ-‘ปูติน’-ไม่ได้-ถ้าจับขณะเยือนเท่ากับ-“การประกาศสงคราม”

ซีริล รามาโฟซา ประธานาธิบดีแอฟริกาใต้ กล่าวว่าความพยายามใดๆ ก็ตามที่จะจับกุม วลาดิเมียร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซีย เมื่อปูตินได้เดินทางมาถึงประเทศ ตามกำหนดการเยือนประเทศแอฟริกาใต้ในเดือนหน้า จะนับเป็นการประกาศสงครามของแอฟริกาใต้ต่อรัสเซีย แม้ว่าแอฟริกาใต้จะมีพันธตามธรรมนูญกรุงโรมว่าด้วยศาลอาญาระหว่างประเทศ (ICC) ในการจับกุมตัวปูตินก็ตาม

รามาโฟซากล่าวในเอกสารของศาลที่เผยแพร่เมื่อวันอังคาร (18 ก.ค.) ว่า “รัสเซียแสดงจุดยืนชัดเจนว่าการจับกุมประธานาธิบดีที่ดำรงตำแหน่งอยู่จะเป็นการประกาศสงคราม” ทั้งนี้ ปูตินได้รับเชิญให้เข้าร่วมการประชุมสุดยอด BRICS ที่เมืองโจฮันเนสเบิร์กของแอฟริกาใต้ในเดือนหน้า แต่ปูตินเองมีหมายจับของศาลอาญาระหว่างประเทศ ซึ่งเป็นบทบัญญัติที่แอฟริกาใต้ในฐานะสมาชิกศาลอาญาระหว่างประเทศ จำต้องนำไปบังคับใช้หากเป็นสมาชิก

ภาวะที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกทางการทูตของแอฟริกาใต้กำลังเกิดขึ้นบนชั้นศาลของประเทศ หลังจากพรรคนำฝ่ายค้านของประเทศอย่างพรรคพันธมิตรประชาธิปไตย (DA) กำลังพยายามบีบบังคับให้รัฐบาลปฏิบัติตามข้อบังคับของศาลอาญาระหว่างประเทศที่แอฟริใต้เป็นสมาชิก และรับประกันว่าประธานาธิบดีรัสเซียจะถูกควบคุมตัว และส่งตัวให้กับศาลอาญาระหว่างประเทศ หากปูตินเหยียบเท้าลงบนแผ่นดินแอฟริกาใต้

ในการตอบกลับต่อคำร้องดังกล่าว รามาโฟซากล่าวถึงคำร้องของพรรค DA ว่า “ขาดความรับผิดชอบ” และกล่าวว่าคำร้องดังกล่าวจะทำให้ความมั่นคงของชาติตกอยู่ในความเสี่ยง โดยจากคำกล่าวของรามาโฟซานั้น แอฟริกาใต้กำลังขอการยกเว้นภายใต้กฎของศาลอาญาระหว่างประเทศ เนื่องจากข้อเท็จจริงที่ว่าการออกกฎหมายจับกุมอาจคุกคาม “ความมั่นคง ความสงบสุข และความสงบเรียบร้อยของรัฐ” 

รามาโฟซายังระบุอีกว่า การจับกุมตัวปูตินตามพันธะของแอฟริกาใต้ภายใต้ศาลอาญาระหว่างประเทศ “จะไม่สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญของเรา ที่จะเสี่ยงต่อการทำสงครามกับรัสเซีย” พร้อมกล่าวเสริมว่ากรณีดังกล่าวจะขัดต่อหน้าที่ของเขาในการปกป้องประเทศ และการจับกุมตัวประธานาธิบดีรัสเซียยังบ่อนทำลายภารกิจที่นำโดยแอฟริกาใต้ ในการยุติสงครามในยูเครน และ การ “ยึดตามแนวทางสันติวิธีใดๆ” ของประเทศ

ทั้งนี้ ธรรมนูญกรุงโรมว่าด้วยศาลอาญาระหว่างประเทศระบุว่า ประเทศสมาชิกควรปรึกษาศาลเมื่อพบปัญหาที่อาจขัดขวางการดำเนินการตามคำร้องขอ และศาลอาจไม่ดำเนินการร้องขอให้จับกุม หากการดำเนินการนี้จะทำให้รัฐต้องฝ่าฝืนกฎระหว่างประเทศเกี่ยวกับความคุ้มกันทางการทูต

ปัจจุบันนี้ แอฟริกาใต้เป็นประธานของกลุ่ม BRICS ซึ่งเป็นการรวมตัวของกลุ่มประเทศเศรษฐกิจขนาดใหญ่ ซึ่งรวมถึงบราซิล รัสเซีย อินเดีย และจีน โดยทางกลุ่มมองว่า พวกเขาเป็นตัวถ่วงดุลอำนาจทางเศรษฐกิจต่อชาติตะวันตก 

ในขณะนี้ มีการร้องขอให้มีการจับกุมตัวปูตินตามหมายจับโดยศาลอาญาระหว่างประเทศ เนื่องจากศาลอาญาระหว่างประเทศกล่าวหาว่า รัสเซียทำการเนรเทศเด็กยูเครนโดยมิชอบด้วยกฎหมายไปยังรัสเซีย ซึ่งเป็นความผิดฐานอาชญากรรมสงคราม

พอล มาชาทิเล รองประธานาธิบดีแอฟริกาใต้ กล่าวในการให้สัมภาษณ์กับสื่อท้องถิ่นเมื่อเร็วๆ นี้ว่า รัฐบาลแอฟริกาใต้พยายามเกลี้ยกล่อมไม่ให้ปูตินเดินทางมาเยือนแอฟริกาใต้ตามกำหนดการในเดือนหน้า แต่จนถึงตอนนี้ ความพยามยามดังกล่าวยังคงไม่ประสบผลสำเร็จ 

ทั้งนี้ คำให้การเป็นลายลักษณ์อักษรของรามาโฟซา ซึ่งลงนามในเดือน มิ.ย. และระบุในตอนแรกว่า “เป็นความลับ” ถูกเผยแพร่เมื่อวันอังคาร หลังจากศาลตัดสินให้มีการเผยแพร่คำให้การดังกล่าวต่อสาธารณะ 

จอห์น สตีนฮุยเซน หัวหน้าพรรค DA กล่าวยกย่องคำตัดสินของศาล โดยอธิบายข้อโต้แย้งของรามาโฟซาที่ว่าแอฟริกาใต้เสี่ยงต่อการประกาศสงครามต่อรัสเซียนั้น “ไร้สาระ” และ “บอบบาง” พร้อมระบุว่า “เมื่อการตัดสินใจเชิงนโยบายต่างประเทศมีความสามารถ ในการทำลายชื่อเสียงระดับนานาชาติของแอฟริกาใต้… และทำให้เศรษฐกิจของเราพังทลาย มันจำเป็นอย่างยิ่งที่รัฐบาลจะต้องรักษาพันธกรณีในการเปิดเผยและโปร่งใส”

แอฟริกาใต้มีความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจและการค้าที่แข็งแกร่งกับสหรัฐฯ และยุโรป โดยการค้าของแอฟริกาใต้กับรัสเซียมีขนาดเล็กกว่ามาก อย่างไรก็ดี รัฐบาลแอฟริกาใต้มีความสัมพันธ์กับรัฐบาลรัสเซียย้อนหลังไปหลายทศวรรษ เมื่อครั้งที่สำนักประธานาธิบดีรัสเซียสนับสนุนพรรคคองเกรสแห่งชาติแอฟริกันที่เป็นฝ่ายรัฐบาล ในการต่อสู้กับการแบ่งแยกสีผิวของแอฟริกาใต้

เมื่อเดือนที่แล้ว รามาโฟซาได้นำคณะผู้แทนสันติภาพแอฟริกา 7 ประเทศ รวมทั้งผู้แทนจากอียิปต์ เซเนกัล และแซมเบีย ไปเจรจาที่กรุงเคียฟของยูเครน และนครเซนต์ปีเตอร์สเบิร์กของรัสเซีย

ทั้งนี้ รามาโฟซาให้ความเห็นเกี่ยวกับคำให้การเป็นลายลักษณ์อักษรต่อศาล ในระหว่างการเฉลิมฉลองวันเนลสัน แมนเดลา ในเมืองคูนูบ้านเกิดของอดีตประธานาธิบดีแอฟริกาใต้คนสำคัญผู้ล่วงลับ โดยรามาโฟซากล่าวถึงกรณีนี้ว่าเกี่ยวข้องกับ “ประเด็นทางการทูตที่ซับซ้อน”

ที่มา:

https://www.aljazeera.com/news/2023/7/18/south-africa-says-arresting-putin-would-be-declaration-of-war?fbclid=IwAR1ubFG7gmZ6v60Mvod5M5ShXh4JuOs01HWs7LXhpwDGwEuf2xbjERW51p4

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่