ต้องขอโทษ พี่น้องประชาชน และยอมรับอย่างตรงไปตรงมาว่า พวกเขาไม่ยอมให้พรรคก้าวไกลเป็นแกนนำตั้งรัฐบาล
ชัดเจนมากขึ้น หลัง 2 วันโหวต “พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” ขึ้นสู่เก้าอี้นายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ไม่สำเร็จ
วันนี้ ชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกล ยอมรับถึงความพ่ายแพ้ พร้อม “ขอโทษ” ประชาชนที่เลือกพรรคก้าวไกล 14 ล้านเสียงไปไม่ถึงฝั่งฝัน
การตัดสินใจส่งไม้ต่อให้พรรคเพื่อไทยครั้งนี้ แม้จะอยู่ภายใต้แรงกดดันจากกระแสสังคม และแรงเสียดทานจากฝ่ายการเมืองขั้วตรงข้าม
แต่จุดยืนของพรรคที่ถูกปักธง ยังคงยึดมั่นในหลักการของการหยุด ยั้งการสืบทอดอำนาจ และต้องการ “ตั้งรัฐบาล” ที่มาจากเสียงประชาชน ไม่เอา 2 ลุง และยังไม่ชัดเจนว่าจะยอมลดเพดานเดินหน้าแก้ ม.112
68 วันแห่งการรอคอยภายใต้ภารกิจ “ตั้งรัฐบาล เพื่อพลิกขั้วอำนาจรัฐบาลเก่า” ของพรรคก้าวไกลที่ผ่านมาถึง 2 สมรภูมิในช่วงเวลาแค่ 1 สัปดาห์ พรรคก้าวไกล กำลังก้าวสู่สมรภูมิใหม่อีกครั้ง
อ่านข่าวเพิ่ม ไม้ต่อจากพิธา สำรวจเงื่อนไข 3 แคนดิเดตนายกฯ เพื่อไทย
มีเพื่อไทยต้องไม่มีก้าวไกล
สมรภูมิแรก คือการส่งไม้ต่อให้พรรคเพื่อไทย 1 ใน 8 พรรคร่วมข้าวต้มมัด จะยอมกลืนเลือดถอย ม.112 เพื่อไม่ปิดทางตัวเองให้พ้นจากการอยู่ร่วมรัฐบาล เพราะยังเป็นก้างตำคอชิ้นใหญ่ ที่อาจขวางการเสนอชื่อแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 รอบที่ 3 ที่กำลังจะเกิดขึ้นในวันที่ 27 ก.ค.นี้
ส่วนสมรภูมิที่ 2 การเปิดใจให้พรรคเพื่อไทย กางแขนรับพรรคการเมืองอื่นๆ ที่มีเงื่อนไข และจุดยืนทางการเมืองต่างกัน ทั้งพรรคภูมิใจ และชาติไทยพัฒนา พรรครวมไทยสร้างชาติ และพรรคพลังประชารัฐ ที่ปฏิเสธพรรคก้าวไกล และ ม.112
สอดคล้องกับความเห็นฟาก สว.ที่ยังมองว่าแม้พรรคก้าวไกลอาจจะถอย ม.112 แต่อาจยังไม่เพียงพอในการตัดสินโหวตรัฐบาลที่มีชื่อก้าวไกล เพราะต้องดูถึงความจริงใจและพฤติกรรมของพรรคประกอบด้วย
ส่วนสมรภูมิสุดท้าย คดีของ นายพิธา ที่อยู่ในชั้นศาลรัฐธรรมนูญ คือหุ้นไอทีวี และคดีล้มล้างการปกครองจากนโยบายแก้ ม.112 ทั้ง 2 คดี เลขาธิการพรรคก้าว ยอมรับว่าประมาทไม่ได้
แม้จะไม่ได้มีการร้องให้ยุบพรรค แต่ก็ประมาทไม่ได้ เพราะหลายปีที่ผ่านมาประเทศไทยไม่ได้อยู่ ในระบบนิติรัฐปกติ อีกทั้งศาลรัฐธรรมนูญ ถูกตั้งคำถามถึงหลักเกณฑ์ทางกฎหมาย และเป็นเครื่องมือทางการเมืองหรือไม่
อ่านข่าวเพิ่ม ผลโหวตข้อบังคับที่ 41 ไม่แคล้วถึงศาล รธน.ชี้ขาด
จุดพลิกท่าทีพรรคเพื่อไทย
หากพลิกมาดูท่าทีของพรรคเพื่อไทย นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย นายภูมิธรรม เวชชยชัย รองหัวหน้าพรรค และนายประเสริฐ จ้นทรรวงทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทย ที่ตั้งวงแถลงขอบคุณหลังก้าวไกลส่งไม้ต่อ
หากจับถ้อยแถลงวันนี้ เพื่อไทยยังกังวลว่าทั้ง 8 พรรค รวมเสียงได้ 312 เสียง อาจยังไม่ได้รับการเห็นชอบจากรัฐสภามากพอ เพราะติดเงื่อนไขแก้ไขม.112
โดยเป้าหมายคือจะต้องหาเสียงเพิ่มจาก 312 เดิม ได้คะแนนเสียงเกิน 375 เสียง
ดังนั้น ไพ่ใบสุดท้ายที่ถูกทิ้งออกมา คือ พรรคเพื่อไทย จึงมีความจำเป็นต้องหาเสียงสนับสนุนจากสมาชิกรัฐสภาเพิ่มเติม เพื่อให้ได้เสียงเกินกว่า 375 เสียง เบื้องต้นพรรคเพื่อไทยจะขอเสียงสนับสนุนจาก สส.และพรรคการเมืองอื่นๆ เพื่อให้สามารถจัดตั้งรัฐบาลให้ได้ในที่สุด
คำถามคือเพื่อไทยจะไปหาเสียงสนับสนุนจากพรรคฝ่ายตรงข้าม หรือสว.ได้หรือไม่ ตราบใดที่ก้าวไกลยังไม่ยอมถอย ม.112
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
“ก้าวไกล” เปิดทาง “เพื่อไทย” ตั้งรัฐบาลส่งชื่อนายกฯ คนที่ 30