หน้าแรก Voice TV อินเดียเดือดปัญหาคุกคามทางเพศ สะท้อนภาพความรุนแรงทางชาติพันธุ์ใต้พรม

อินเดียเดือดปัญหาคุกคามทางเพศ สะท้อนภาพความรุนแรงทางชาติพันธุ์ใต้พรม

75
0
อินเดียเดือดปัญหาคุกคามทางเพศ-สะท้อนภาพความรุนแรงทางชาติพันธุ์ใต้พรม

ชาวอินเดียกำลังเดือดดาล หลังมีการแชร์คลิปวิดีโอน่าสะเทือนใจบนโซเชียลมีเดีย ซึ่งแสดงให้เห็นภาพการล่วงละเมิดทางเพศในรัฐมณีปุระทางตะวันออกเฉียงเหนือของอินเดีย ท่ามกลางความรุนแรงทางชาติพันธุ์ในประเทศ

วิดีโอดังกล่าวมีภาพของผู้หญิง 2 คน ซึ่งกำลังถูกกลุ่มผู้ชายบังคับให้เดินเปลือยกายในรัฐมณีปุระ โดยวิดีโอดังกล่าวได้จุดประกายความไม่พอใจ หลังมันถูกส่งต่อไปบนโซเชียลมีเดีย ส่งผลให้ในท้ายที่สุด นเรนทรา โมดี นายกรัฐมนตรีอินเดีย ต้องออกมากล่าวถึงความขัดแย้งทางชาติพันธุ์ในประเทศ ที่ทำให้ประชาชนภายในรัฐมณีปุระแตกแยกกันมานานหลายเดือน

สภาผู้นำชนเผ่าพื้นเมือง (ITLF) ระบุว่า ภาพวิดีโอที่ถูกพูดถึงอย่างแพร่หลายดังกล่าว แสดงให้เห็นเหตุการณ์ตั้งแต่วันที่ 4 พ.ค. แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจอินเดียเพิ่งจับกุมตัวผู้ถูกกล่าวหาได้เพียงแค่ครั้งเดียวในช่วงสัปดาห์นี้ ทั้งนี้ ตำรวจรัฐมณีปุระอธิบายเหตุการณ์ดังกล่าวบนทวิตเตอร์ว่าเป็น “คดีลักพาตัว รุมข่มขืน และสังหาร” 

สำนักข่าว Reuters รายงานว่า เจ้าหน้าที่ระบุเมื่อวันพฤหัสบดี (20 ก.ค.) ว่า มีผู้ถูกจับกุมแล้ว 4 คน และตำรวจกำลังบุกค้นอย่างต่อเนื่อง เจ้าหน้าที่กำลังสอบปากคำชายจำนวนกว่า 30 ราย ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกันกับการก่อเหตุคุกคามทางเพศครั้งนี้

วิดีโอที่เผยแพร่โดย CNN แสดงให้เห็นผู้หญิงสองคนกำลังหวาดกลัว และถูกบังคับให้เดินเปลือยกายท่ามกลางฝูงชน ซึ่งดูเหมือนว่าผู้หญิงจะถูกลวนลามและล่วงละเมิดทางเพศ ในขณะที่มีกลุ่มผู้ชายรุมล้อมเธอ อีกทั้งยังมีการจับคลำร่างกายที่เปลือยเปล่าของพวกเธอ โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจสืบทราบภายหลังว่า หญิงทั้ง 2 คนมาจากชนเผ่ากูกิ โดยภาพน่าสยดสยองป่าเถื่อนนี้ เกิดขึ้นท่ามกลางความรุนแรงทางเชื้อชาติที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องในรัฐทางตะวันออกเฉียงเหนือของอินเดีย

นายกรัฐมนตรีของอินเดียกล่าวถึงสถานการณ์ดังกล่าวนี้เป็นครั้งแรก เมื่อช่วงวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา หลังจากโมดีนิ่งเงียบมานานกว่า 2 เดือน โดยเขากล่าวว่า “หัวใจของผมเต็มไปด้วยความเศร้าโศกและความโกรธ เหตุการณ์ในมณีปุระเป็นเรื่องน่าละอายสำหรับทุกคนในภาคประชาสังคม”

“สิ่งที่เกิดขึ้นกับเหล่าลูกสาวชาวมณีปุระจะไม่มีวันได้รับการให้อภัย” โมดีกล่าวเสริมว่า “กฎหมายจะดำเนินการอย่างเต็มที่ที่สุดเท่าที่จะทำได้”

เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา ศาลสูงสุดของอินเดียมีคำสั่งให้รัฐบาลกลางและรัฐมณีปุระใช้ “กระบวนการอย่างเร่งด่วน… เพื่อดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิด” และ “ตรวจสอบให้แน่ใจว่าเหตุการณ์ดังกล่าวจะไม่เกิดขึ้นซ้ำอีก” โดยศาลระบุว่า “การใช้ผู้หญิงเป็นเครื่องมือก่อความรุนแรง เป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้ในระบอบประชาธิปไตยตามรัฐธรรมนูญ”

เอ็น พิเรน ซิงห์  มุขยมนตรีรัฐมณีปุระ ประณามเหตุการณ์ดังกล่าว โดยเรียกเหตุการณ์นี้ว่าเป็น “อาชญากรรมต่อมนุษยชาติ” ทั้งนี้ ซิงห์กล่าวกับผู้สื่อข่าวในเมืองอิมผาล เมืองหลวงของรัฐมณีปุระว่า รัฐบาลซึ่งนำโดยพรรคภารตียชนตา (BJP) ซึ่งเป็นพรรครัฐบาลของโมดี จะไม่ยอมให้มีการก่ออาชญากรรมต่อ “ผู้หญิงและน้องสาวของเรา” พร้อมกล่าวเสริมว่าผู้กระทำผิดจะได้รับการลงโทษขั้นสูงสุด

“แม้ว่าศาลจะเป็นผู้ตัดสินประเภทของการลงโทษ แต่รัฐบาลและหน่วยงานต่างๆ รวมถึงชาวมณีปุระจะพยายามอย่างเต็มที่ เพื่อที่พวกเขา (ผู้กระทำผิด) จะได้รับโทษสูงสุดในปัจจุบัน นั่นคือโทษประหาร” ซิงค์ระบุ อย่างไรก็ดี ซิงห์เป็นสมาชิกพรรค BJP ที่ถูกวิจารณ์ว่าล้มเหลวในการจัดการกับความรุนแรงทางเชื้อชาติที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องในรัฐมณีปุระ

ITLF ออกแถลงการณ์เมื่อวันพุธ (19 ก.ค.) ว่า “วิดีโอที่กำลังโด่งดังในวันนี้ แสดงให้เห็นกลุ่มชาติพันธุ์ชาวเมเตหลายคนได้เดินขบวนพาผู้หญิงชนเผ่ากูกิ 2 คนเปลือยกายไปที่นาข้าวเพื่อรุมโทรมพวกเธอ”

แถลงการณ์ยังระบุอีกว่า “เหตุการณ์ที่น่ารังเกียจ” เกิดขึ้นในหมู่บ้านบีพนมในเขตคังโปกปิ และ “แสดงให้เห็นผู้ชายที่ลวนลามผู้หญิงที่ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้อย่างต่อเนื่องหลายครั้ง เธอร้องไห้และขอร้องวิงวอนต่อผู้ที่จับตัวเธอไป”

นอกจากเหตุการณ์ดังกล่าวแล้วนั้น รัฐมณีปุระต้องรับมือความรุนแรงจากปัญหาชาติพันธุ์ในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา โดยการปะทะกันเกิดขึ้นในเมืองอิมผาล เมื่อวันที่ 3 พ.ค. หลังจากนักเรียนหลายพันคน ซึ่งส่วนใหญ่มาจากชนเผ่ากูกิ เข้าร่วมการชุมนุมต่อต้านชุมชนชาติพันธุ์เมเต ซึ่งเป็นกลุ่มชนพื้นเมืองส่วนใหญ่ ที่ได้ยื่นคำร้องขอสถานะชนเผ่าให้ได้รับการขึ้นทะเบียนอย่างถูกต้องตามรัฐธรรมนูญอินเดีย โดยสถานะของชนเผ่าจะช่วยให้ชาวเมเตสามารถซื้อที่ดินและมีโอกาสในการทำงานกับหน่วยงานของรัฐบาลมากขึ้น 

หลายชนเผ่าได้รับสถานะดังกล่าวแล้ว แต่กลับกลายเป็นว่ากลุ่มชาติพันธุ์ที่ใหญ่ที่สุดอย่างเมเตกลับไม่ได้รับการยืนยันสถานะนี้ ซึ่งทางกลุ่มเองได้เดินหน้าเรียกร้องประเด็นดังกล่าวมาโดยตลอด เนื่องจากมองว่าสมาชิกของเผ่าเมเตยังคงมีสภาพเป็นคนชายขอบ เมื่อเทียบกับชุมชนหลักอื่นๆ ในรัฐมณีปุระ อย่างไรก็ดี ชนเผ่าอื่นๆ มองว่าชนเผ่าเมเตมีอิทธิพลมากที่สุดในรัฐมณีปุระอยู่แล้ว 

ปัญหาชาติพันธุ์ในรัฐมณีปุระที่ดำเนินมานาน ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตกว่า 100 คน และอีกหลายหมื่นคนต้องพลัดถิ่นจากบ้านเกิดตั้งแต่นั้นมา

พรรคคองเกรสแห่งชาติอินเดีย (INC) ซึ่งเป็นพรรคฝ่ายค้านหลัก วิจารณ์อย่างรุนแรงต่อการจัดการปัญหาของโมดี โดย มัลลิการ์จุน คาร์เก ประธานพรรค INC ทวีตข้อความเมื่อวันพฤหัสบดี ก่อนการเปิดประชุมรัฐสภาว่า “มนุษยชาติสูญเสียไปในมณีปุระ รัฐบาลโมดี และพรรค BJP ได้เปลี่ยนประชาธิปไตยและหลักนิติธรรมเป็นระบอบกฎหมู่ โดยการทำลายโครงสร้างทางสังคมที่ละเอียดอ่อนของรัฐ”

คาร์เกวิจารณ์โมดีต่อไปว่า “อินเดียจะไม่มีวันยกโทษให้กับความเงียบของคุณ หากมีความรู้สึกผิดชอบชั่วดีหรือความละอายใจเหลืออยู่บ้างในรัฐบาลของคุณ คุณควรพูดเกี่ยวกับมณีปุระในรัฐสภา และบอกคนทั้งประเทศถึงสิ่งที่เกิดขึ้น โดยไม่กล่าวโทษผู้อื่นในความไร้ความสามารถของคุณ ทั้งในเมืองหลวงและทั่วทั้งรัฐ”

หลังจากนั้นไม่นาน ซิงห์ได้ทวีตข้อความว่า ทางการได้มีการเข้าจับกุมตัวผู้กระทำความผิดแล้ว โดยซิงห์กล่าวเสริมว่า “ขณะนี้การสอบสวนอย่างละเอียดกำลังดำเนินการอยู่ และเราจะดำเนินการอย่างเข้มงวดกับผู้กระทำผิดทั้งหมด รวมถึงการพิจารณาความเป็นไปได้ของการลงโทษประหารชีวิต ให้มันรู้ไปเถอะว่าไม่มีที่สำหรับการกระทำชั่วร้ายเช่นนี้ในสังคมของเราอย่างแน่นอน”

ตำรวจรัฐมณีปุระกล่าวในภายหลังว่า ทางเจ้าหน้าที่ได้จับกุมบุคคลอีก 3 รายที่ถูกกล่าวหาว่า “ก่ออาชญากรรมป่าเถื่อน อย่างการลักพาตัวและรุมโทรม”

คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติของอินเดีย (NHRC) ออกประกาศเมื่อวันพฤหัสบดี ถึงหัวหน้าเลขาธิการและอธิบดีกรมตำรวจของรัฐ โดยเรียกร้องให้มีการออกรายงานโดยละเอียดเกี่ยวกับคดีนี้ภายใน 4 สัปดาห์ โดยรายงานควรมีรายละเอียดรวมถึงสถานะของการสอบสวน ข้อมูลความคืบหน้าด้านสุขภาพของเหยื่อผู้หญิงและผู้ได้รับบาดเจ็บรายอื่น รวมถึงรายละเอียดเกี่ยวกับการชดเชย หากมีการได้รับการอนุมัติ

นอกจากนี้ NHRC ยังขอรายละเอียดเกี่ยวกับขั้นตอนที่เสนอหรือดำเนินการเพื่อ “ปกป้องสิทธิมนุษยชนของพลเมือง โดยเฉพาะผู้หญิงและกลุ่มเสี่ยงในสังคมจากเหตุการณ์ป่าเถื่อนดังกล่าว” อีกด้วย

แหล่งข่าวระบุกับทาง CNN เมื่อวันพฤหัสบดีว่า รัฐบาลอินเดียได้ออกคำสั่ง ให้ทวิตเตอร์และแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียอื่นๆ ห้ามการแชร์วิดีโอดังกล่าว เนื่องจากเหตุผลของ “ความจำเป็นสำหรับแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย ที่จะต้องปฏิบัติตามกฎหมายของอินเดีย เนื่องด้วยขณะนี้กรณีดังกล่าวอยู่ระหว่างการสอบสวน” 

ที่มา: 

https://edition.cnn.com/2023/07/20/asia/india-manipur-sexual-violence-video-intl/index.html

https://www.bbc.com/news/world-asia-india-66254008

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่