วันนี้ (2 ส.ค.2566) เวลา 14.20 น.นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย แถลงผลการหารือร่วมกับพรรคก้าวไกล และ 8 พรรคการเมือง ระหว่างคณะเจรจาพรรคเพื่อไทยและพรรคก้าวไกล ใช้เวลา 2 ชั่วโมง และมีการแจ้งผลหารือโดยการใช้โทรศัพท์ ถึงแนวทางการในการจัดตั้งรัฐบาลกับ 8 พรรคร่วม
นพ.ชลน่าน แถลงว่า พรรคเพื่อไทยรับมอบเป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาลเริ่มต้นใหม่ ผ่าทางตันหาทางออกให้ประเทศ เนื่องจากการตั้งรัฐบาล พรรคเพื่อไทย ก้าวไกล รวมเสียงได้ 312 เสียง เพื่อจัดตั้งรัฐบาล
โดยมีพรรคก้าวไกลเป็นแกนนำ และเสนอนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล เป็นนายกรัฐมนตรี และทุกพรรคสรุปการตั้งรัฐบาลภายใต้รัฐธรรมนูญ และมีความเห็นชัดเจน ยึดมั่นในสถาบันพระมหากษัติรย์ และไม่เห็นด้วยแก้ไข ม.112
อ่านข่าว เพื่อไทยฉีก MOU สลัด “ก้าวไกล” พ้นขั้วรัฐบาลปมไม่ถอย ม.112
จากนั้นวันที่ 13 ก.ค.ในการเสนอโหวตนายกฯ ไม่สามารถรวบรวมเสียงได้ เพราะมีเสียงสนับสนุน 324 จาก 376 เสียง โดยพรรคเพื่อไทยได้สนับสนุนอย่างเต็มความสามารถ ซึ่งปรากฏเงื่อนไขจากพรรคการเมืองอื่น และสว.ไม่ยอมรับการแก้ไข ม.112 จึงแน่ชัดว่าแคนดิเดตนายกฯ จากพรรคก้าวไกลไม่ผ่านดำรงตำแหน่งได้
จึงมีมติส่งไม้ต่อให้พรรคเพื่อไทย หาพรรคการเมืองอื่น และ สว.จากนั้นพรรคเพื่อไทยหาเสียงจากพรรคการเมือง เชิญมาหารือที่พรรคเพื่อไทย และสอบถามความ เห็นจากสว. และพบว่า ม.112 ยังเป็นเงื่อนไขหลักและจะแสดงชัดเจนว่าจะไม่สนับสนุนกรร่วมรัฐบาลในทุกกรณี
พรรคเพื่อไทยหารือกับก้าวไกล ขอถอนตัวจากการร่วมมือ และเดินหน้าจัดตั้งรัฐบาลพรรคร่วมใหม่ โดยเสนอชื่อนายเศรษฐา ทวีสิน ดำรงตำแหน่งนายกฯ
และพรรคเพื่อไทย และนายเศรษฐา ยืนยันจะไม่สนับสนุน ม.112 และการตั้งรัฐบาลใหม่ จะไม่มีพรรคก้าวไกลอยู่ในพรรคร่วม และพรรคเพื่อไทย จะพยายามรวบรวมเสียงในการตั้งรัฐบาลอย่างเหมาะสม และพรรคก้าวไกลจะเป็นฝ่ายค้าน
อ่านข่าว “ปณิธาน” ชี้เป็นสิทธิ “ทักษิณ” กลับไทย แนะขยับออกจากการเมือง
ทำประชามติ แก้รัฐธรรมนูญปี 60
นพ.ชลน่าน กล่าวอีกว่า จะทำงานการเมืองในมิติใหม่ ในภารกิจสำคัญดังนี้จะผลักดันแก้รัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันที่เป็นต้นเหตุในการตั้งรัฐบาล และเกิดในวิกฤติบ้านเมือง โดยกำหนดเป็นวาระแห่งชาติ
ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) นัดแรกจะให้มีการทำประชามติ และตั้งสสร.ให้กระบวนการมีส่วนร่วมในการแก้ จากนั้นจะคืนอำนาจให้ประชาชนเลือกตั้งใหม่ภายในรัฐธรรมนูญฉบับใหม่
นอกจากนี้ เรื่องกฎหมายสมรสเท่าเทียม กฎหมายสุราก้าวหน้า การปฏิรูประบบราชการ กองทัพ การเกณฑ์ทหาร เป็นแบบสมัครใจ การกระจายอำนาจ และการแข่งขันทางการค้าในฐานะแกนนำพร้อมผลักดันเพื่อให้นโยบายเหล่านี้ประสบความสำเร็จ และพรรคขอแสดงความจริงใจกับมิตรพรรคการเมือง และเป็น
แนวทางรักษาสถาบันสำคัญของชาติและผลักดันความต้องการของประชาชน ให้ภารกิจนำพาประเทศพ้นวิกฤตและแก้ไขความขัดแยง ปลดพันธนาการที่ไม่ปกติกลับคืนมา และใช้ความสามารถเร่งแก้ปัญหาเศรษฐกิจปากท้อง ภายใต้รัฐธรรมนูญใหม่
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
“วันชัย” ฟันธงนายกฯจบที่เพื่อไทย เชื่อ “เศรษฐา” ไม่แก้ ม.112
จากนั้น นพ.ชลน่าน ตอบคำถามสื่อมวลชนเรื่องการโหวตนายกฯ ในวันที่ 4 ส.ค.นี้ ว่า ได้พูดกับพรรคก้าวไกล ภายใต้ข้อตกลงและเห็นพ้องต้องกันว่า เอกสิทธิ์ของพรรคก้าวไกล ที่จะลงคะแนนหรือไม่ลงคะแนน ให้กับพรรคเพื่อไทย
ส่วน สว.จะโหวตให้พรรคเพื่อไทยหรือไม่นั้น การแถลงข่าวในวันนี้ (2 ส.ค.) และแนวทางที่ชัดเจนที่แสดงต่อข้อกังวลของ สว. และ สส.หลายพรรคการเมือง พรรคเพื่อไทยมั่นใจว่าภายใต้เงื่อนไขที่แถลงไป
ข้อมูลประกอบการตัดสินใจของ สว.ที่เคยมีเงื่อนไขเดิมๆ พรรคเพื่อไทยพยายามลดเงื่อนไขทั้งหมด ก็น่าจะเป็นเหตุผลเพียงพอที่ทำให้ สว.ให้ความเห็นชอบได้ สำหรับเรื่องพรรคร่วมใหม่ ขอให้รอวันพรุ่งนี้ (3 ส.ค.)
นพ.ชลน่าน กล่าวอีกว่า การพูดคุยกับพรรคก้าวไกลตอนเช้าที่ผ่านมาเป็นไปด้วยดี พรรคก้าวไกลรับฟังและยืนยันว่าต้องการความชัดเจนจากพรรคเพื่อไทย โดยสรุปไม่ใช่การบอกเลิก แต่เป็นสิ่งที่มีความจำเป็นที่ต้องชี้ถึงเหตุและผลที่ต้องแยกมาจัดตั้งรัฐบาล โดยที่ไม่มีพรรคก้าวไกล
ด้านนายภูมิธรรม เวชชยชัย รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ชี้แจงประเด็นที่สมาชิกของพรรคก้าวไกล ระบุว่า พรรคเพื่อไทยดึงเวลาจนถึงนาทีสุดท้าย ทำให้เกิดปัญหา และไม่ดำเนินการอย่างตรงไปตรงมาว่า ที่ล่าช้าเนื่องจากได้รับการร้องขอจากแกนนำพรรคก้าวไกลให้รอถึงเวลา 23.00 น.ของวันที่ 31 ก.ค.ที่ผ่านมา
ที่ล่าช้าเพราะมีการหารือมา พรรคเพื่อไทยรอจนถึงเที่ยงคืนและไม่มีการติดต่อกลับมา เพราะฉะนั้นในวันที่ 1 ส.ค. พรรคเพื่อไทยก็เริ่มดำเนินการตามกระบวนการ ถือว่าการตกลงเจรจาไม่ยุติ ซึ่งในการพูดคุยกันทั้งหมดยืนยันว่า ได้คุยกับพรรคก้าวไกลมาโดยตลอด แต่อาจจะมีปัญหาเรื่องการสื่อสารภายใน
ขณะที่นายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทย เปิดเผยว่า พรรคเพื่อไทยได้โทรศัพท์ไปหาเลขาธิการพรรคที่ร่วมจัดตั้งรัฐบาลเดิม เพื่อแจ้งเหตุ ผลและความจำเป็นในการจัดตั้งรัฐบาล โดยไม่มีพรรคก้าวไกลเป็นพรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาลในครั้งนี้ และพรรคร่วมอื่นจะตัดสินใจร่วมรัฐบาลกับพรรคเพื่อไทยหรือไม่ร่วมก็ให้เป็นดุลยพินิจของแต่ละพรรค
รวมถึงการที่พรรคก้าวไกลจะโหวตเลือกนายกฯ เพื่อช่วยพรรคเพื่อไทยหรือไม่นั้น ได้แจ้งต่อพรรคร่วมให้ทราบว่าเป็นเอกสิทธิ์ของพรรคก้าวไกล และในช่วงบ่ายวันพรุ่งนี้ (3 ส.ค.) จะมีแถลงการอย่างเป็นทางการในการจัดตั้งรัฐบาล