โดรนเดินทะเลไร้คนขับของยูเครน ชนเข้ากับเรือของกองทัพรัสเซียที่ท่าเรือสำคัญของรัสเซียในทะเลดำเมื่อวันศุกร์ (4 ส.ค.) ในขณะที่ยูเครนยังคงโจมตีใส่โครงสร้างพื้นฐานทางทหารของรัสเซีย เพื่อหวังที่จะเขย่าขวัญรัสเซียที่กำลังรับมือกับการโจมตีโต้กลับของยูเครน
การโจมตีเรือรัสเซียในท่าเรือโนโวรอสซีสก์ ซึ่งเป็นศูนย์กลางการเดินเรือรบและการเดินเรือที่สำคัญ เกิดขึ้นห่างออกไปหลายร้อยกิโลเมตร ที่ห่างจากดินแดนที่อยู่ภายใต้การควบคุมของยูเครน โดยการโตมตีในครั้งนี้มีขึ้นไม่กี่ชั่วโมง หลังจากการโจมตีโดยโดรนทางอากาศใส่ท่าเรือรัสเซียในไครเมียของยูเครนที่ถูกยึดครองไป
การโจมตีในครั้งนี้ยังแสดงให้เห็นถึงความสามารถในการขยายปฏิบัติการของยูเครน โดยการใช้ฝูงบินโดรนทางอากาศและทางทะเล เพื่อเจาะเป้าหมายของรัสเซียที่มีการปกป้องอย่างดี
หนังสือพิมพ์ The New York Times รายงานวิดีโอและภาพถ่ายหลายชิ้นที่ได้รับการตรวจสอบแล้ว ซึ่งเป็นภาพที่แสดงให้เห็นเรือรบรัสเซียที่เสียหายในท่าเรือโนโวรอสซีสก์ ภาพดังกล่าวยังแสดงให้เห็นเรือ ซึ่งเป็นเรือยกพลขึ้นบกชั้นโรปูชา ที่ได้รับความเสียหายอยู่บริเวณกลางฝั่งของท่าเรือ ในขณะที่เรือลากพยายามนำเรือดังกล่าวเข้าเทียบท่า ทั้งนี้ เรือลำนี้ยังเป็นเรือประเภทเดียวกับที่ได้รับการบันทึกภาพผ่านวิดีโอ ที่ถูกโจมตีโดยโดรนทางทะเล
เจ้าหน้าที่ยูเครน 3 คน ซึ่งไม่เปิดเผยตัวตนด้วยเหตุผลความละเอียดอ่อนด้านความปลอดภัยทางการทหาร กล่าวว่าการโจมตีเป็นปฏิบัติการร่วมกัน ของหน่วยบริการความมั่นคงของยูเครนและกองทัพเรือยูเครน โดยเจ้าหน้าที่คนหนึ่งกล่าวว่า เรือรัสเซียโอเลเนกอร์สกี กอร์นยัก ซึ่งเป็นเรือยกพลขึ้นบก ที่สามารถบรรทุกสัมภาระหนักและยานพาหนะทางทหาร ได้รับความเสียหายจากการโจมตีในครั้งนี้ด้วย
ในทางตรงกันข้าม กระทรวงกลาโหมรัสเซียออกมายืนยันว่า การโจมตีด้วยโดรนในครั้งนี้ไม่ได้สร้างความเสียหายใดๆ และโดรนทั้งหมดถูกกำจัดลงได้ โดยกระทรวงกลาโหมรัสเซียอ้างว่า โดรนเดินทะเลไร้คนขับของยูเครน 2 ลำถูกยิงจนได้รับความเสียหายบนผิวน้ำ ก่อนที่มันจะแล่นมาถึงฐาน อย่างไรก็ดี สื่อของรัฐบาลรัสเซียรายงาน โดยอ้างถึงรายงานของสมาคมท่อส่งก๊าซแคสเปียน ซึ่งเป็นกลุ่มที่จัดการการส่งออกน้ำมันผ่านท่าเรือว่า การเดินเรือในท่าเรือโนโวรอสซีสก์ถูกระงับชั่วคราว
กระทรวงกลาโหมรัสเซียยังระบุอีกว่า ในการโจมตีที่แยกจากกันซึ่งเกิดขึ้นในช่วงก่อนรุ่งสาง ปะทุขึ้นในพื้นที่ท่าเรือรัสเซียของเมืองฟีโอโดเซีย บนคาบสมุทรไครเมีย โดยอาวุธที่ใช้ในการโจมตีครั้งนี้เป็นโดรนพิสัยไกล อย่างไรก็ดี กระทรวงกลาโหมรัสเซียอ้างว่ากองทัพรัสเซียได้ยิงโดรนของยูเครนตก 10 ลำ และทำให้อีก 3 ลำไม่สามารถใช้การได้ และกล่าวย้ำว่ารัสเซียไม่ได้รับความเสียหายใดๆ
ยูเครนไม่ได้ออกมาอ้างความรับผิดชอบ ต่อการโจมตีในเมืองโนโวรอสซีสก์ต่อสาธารณะแต่อย่างใด โดยโฆษกของกองทัพเรือยูเครนกล่าวว่า กองทัพเรือยูเครน “ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง” กับเหตุการณ์โจมตีในครั้งนี้ ทั้งนี้ ทางการยูเครนยังคงรักษานโยบายที่จงใจจะไม่เปิดเผยท่าทีที่ชัดเจน เกี่ยวกับการโจมตีที่เกิดขึ้นภายในรัสเซียว่าเป็นฝีมือของยูเครนหรือไม่ แต่ โวโลดีเมอร์ เซเลนสกี ประธานาธิบดียูเครน ส่งสัญญาณว่ายูเครนจะทำการโจมตีภายในพรมแดนของรัสเซียมากขึ้น
ยูเครนเริ่มรักษาท่าทีที่ระมัดระวังน้อยลง เกี่ยวกับการโจมตีที่เกิดขึ้นในไครเมีย โดยเมื่อวันศุกร์ นาตาเลีย ฮุเมเนียก โฆษกกองบัญชาการทางตอนใต้ของกองทัพยูเครน กล่าวกับ Radio Liberty ว่ากองเรือทะเลดำของรัสเซียใช้โรงเก็บน้ำมันขนาดใหญ่ที่ท่าเรือในฟีโอโดเซีย และ “ดังนั้น เราควรคาดหวังว่าจะเกิดการระเบิดที่นั่นต่อไป”
การโจมตีครั้งนี้เกิดขึ้นท่ามกลางความตึงเครียดที่เพิ่มขึ้นบริเวณทะเลดำ นับตั้งแต่รัสเซียถอนตัวออกจากข้อตกลง ที่จะอนุญาตให้ยูเครนส่งออกธัญพืชหลายล้านตันทางเรือออกจากท่าเรือทะเลดำ ซึ่งรัสเซียเข้ายึดครองไปจากยูเครน ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ยูเครนรายงานว่า รัสเซียได้ใช้โดรนและขีปนาวุธทิ้งระเบิดโจมตีท่าเรือโอเดสซาและมิโคเลฟในทะเลดำของยูเครน รวมถึงท่าเรือเรนีและอิซมาอิลในแม่น้ำดานูบ ซึ่งส่งผลให้ธัญพืชของยูเครนถูกทำลายไปมากกว่า 200,000 ตัน
ท่าเรือโนโวรอสซีสก์เป็นศูนย์กลางการขนส่งที่สำคัญสำหรับสินค้าเกษตรของรัสเซียเอง โดยเมื่อรัสเซียทำข้อตกลงที่อนุญาตให้ยูเครนส่งออกธัญพืชได้เมื่อช่วงฤดูร้อนที่แล้วนั้น ทางการรัสเซียยืนยันว่าสหภาพยุโรปต้องชี้แจงว่าการคว่ำบาตรที่บังคับใช้กับรัสเซีย จะไม่ส่งผลกระทบต่อการขนส่งสินค้าการเกษตรออกจากท่าเรือโนโวรอสซีสก์ และจะต้องอนุญาตให้ธนาคาร บริษัทประกัน และบริษัทอื่นๆ เข้ามามีส่วนร่วมในการส่งออกธัญพืชและปุ๋ยของรัสเซียโดยไม่นับเป็นการละเมิดข้อจำกัด
ที่มา: