หน้าแรก Thai PBS “จตุพร” มอง “เพื่อไทย” หมดอำนาจต่อรองตั้งแต่ปาร์ตี้มินต์ช็อก ไปต่อยาก ถอยกลับก็เสีย

“จตุพร” มอง “เพื่อไทย” หมดอำนาจต่อรองตั้งแต่ปาร์ตี้มินต์ช็อก ไปต่อยาก ถอยกลับก็เสีย

50
0
“จตุพร”-มอง-“เพื่อไทย”-หมดอำนาจต่อรองตั้งแต่ปาร์ตี้มินต์ช็อก-ไปต่อยาก-ถอยกลับก็เสีย

วันนี้ (7 ส.ค.2566) นายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำคณะหลอมหลวมประชาชน ให้สัมภาษณ์ไทยพีบีเอส ว่า กรณีปรากฏภาพนายทักษิณ ชินวัตร และครอบครัวร่วมวันเกิดสมเด็จ ฮุน เซน ที่กัมพูชานั้น ส่วนตัวมองเป็นเรื่องปกติ เพราะครอบครัวชินวัตร มีความสนิทกับสมเด็จ ฮุน เซน ไม่น่าจะเกี่ยวข้องกับการจัดตั้งรัฐบาล

นายจตุพร กล่าวว่า ถ้าพรรคเพื่อไทยไม่จับมือพรรคพลังประชารัฐ และพรรคร่วมไทยสร้างชาติ จะไม่ได้เสียงวุฒิสภา (สว.) ซึ่งมาจากกระบวนการ 3 ป. ที่สำคัญกรณีของนายเศรษฐา ทวีสิน พูดประเด็นมาตรา 112 ไม่แตกต่างจากนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคก้าวไกล ซึ่ง สว.ใช้เป็นเงื่อนไข ดังนั้นถ้าไม่มีก้าวไกล ไม่มีพลังประชารัฐ และไม่มีรวมไทยสร้างชาติ แม้ได้เสียงปริ่มน้ำ แต่ต้องหาเสียงจาก สว.มากกว่ากรณีนายพิธา

ชีวิตทักษิณที่วุ่นวายอยู่ขณะนี้เพราะยุ่งเกี่ยวการเมือง คนที่มีอำนาจสูงสุดและตัดสินใจคือทักษิณ

นายจตุพร กล่าวว่า เครือข่ายต่าง ๆ ไม่มีวันไว้ใจนายทักษิณอย่างง่ายดาย เห็นได้ชัดเจนว่าช่วงที่ต้องการแยกเพื่อไทยและก้าวไกล แต่ละพรรคการเมืองยินยอมมาดื่มมินต์ช็อกโกแลต หรือมิ้นช็อก ถึงที่ทำการพรรคเพื่อไทย วันนั้นดูเหมือนว่าพรรคเพื่อไทยมีอำนาจสูงสุด แต่วันที่ปล่อยมือจากก้าวไกล ชะตากรรมของเพื่อไทยก็ไม่ง่ายอีกต่อไป ยกตัวอย่างแค่ไปจับมือกับประชาธิปัตย์ก็ลำบากทั้ง 2 ฝั่ง เพราะทั้งคู่มีเรื่องราวในอดีต หากไปถึงรวมไทยสร้างชาติและพลังประชารัฐ เชื่อว่าจะมีผู้ออกมาชุมนุมจำนวนมาก

อำนาจการต่อรองต่าง ๆ ของเพื่อไทย ไม่ง่ายเหมือนวันกินมิ้นต์ช็อก ทำได้แต่ต้องแลกกับทุกสิ่งทุกอย่าง

นายจตุพร กล่าวถึงกรณีนายชูวิทย์ เปิดประเด็นข้อมูลอ้างนายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตเพื่อไทย ทำนิติกรรมอำพรางซื้อขายที่ดิน ยิ่งทำให้ความชอบธรรมของนายเศรษฐาหายไป เพราะผู้ที่จะเข้ามาเป็นนายกรัฐมนตรีต้องผ่านด่านตรวจสอบสำคัญ แต่กรณีนายเศรษฐายากทุกแบบ ทั้งเรื่องส่วนตัว และเงื่อนไขการไม่จับมือรวมไทยสร้างชาติ พลังประชารัฐ ซึ่งโอกาสเป็นศูนย์

ส่วน น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หากจะขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรี ต้องผ่านด่านการประกาศจับมือรวมไทยสร้างชาติ พลังประชารัฐ หากไม่ดำเนินการดังกล่าว ลำดับจะไปถึงนายอนุทิน ชาญวีรกูล ซึ่งวางตัวไม่พลีพลามและวิเคราะห์ความเป็นไปได้ก่อนเสมอ แต่หากลำดับตกไปถึงพรรคอันดับ 4 พลังประชารัฐ จะมีนายกรัฐมนตรีชื่อ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ

นายจตุพร กล่าวว่า ถ้าพรรคภูมิใจไทยได้จัดตั้งรัฐบาล เพื่อไทยจะเข้าร่วมหรือไม่ คำว่า “ข้ามขั้ว” กับ “ขั้วข้าม” ก็จะเกิดขึ้น ส่วนคดียุบพรรคที่คาดว่าก้าวไกลจะล่วงหน้าไปก่อนนั้น อาจมีพรรคอื่นแซงโค้งก็ได้ ขณะนี้การต่อรองต่าง ๆ ในทางการเมือง มีการคิดแผนทุกชั่วโมง

ถ้าเพื่อไทยเกิดสำนึกได้ แต่ถอยหลังไปหาก้าวไกลก็ลำบาก ไปข้างหน้าก็ลำบาก ไม่ไปไหนอยู่กับที่ก็เป็นอีกสมการหนึ่ง อาจเริ่มต้นด้วยการจัดตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อย แต่ประกาศวันยุบสภา หรือเสียงข้างมากด้วยวิธีการ งูเห่า ขออย่าประมาท

นายจตุพร มองว่า มีโอกาสมากที่ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีจะไปถึง พล.อ.ประวิตร เพราะจุดพลิกทางการเมือง คือ วันที่ น.ส.แพทองธาร ประกาศจับมือพลังประชารัฐ และรวมไทยสร้างชาติ ซึ่งจะเป็นนายกรัฐมนตรี ท่ามกลางความวุ่นวายจากการประท้วง สุดท้ายตำแหน่งจะไปตกที่ พล.อ.ประวิตร

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่