วันนี้ (10 ส.ค.2566) นายภูมิธรรม เวชยชัย รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ตอบคำถามกรณีที่แกนนำพรรคเพื่อไทยเดินทางไปพรรคก้าวไกลเมื่อวานนี้ ว่า การไปพบพรรคก้าวไกลไม่ใช่สิ่งผิดปกติในการดำเนินการเพราะไปพบทุกพรรค ทุกฝ่าย ทุกคน ทั้ง สส. สว. นี่คือการปฏิบัติที่สะท้อนว่า เราต้องการที่จะสลายขั้วความขัดแย้งในทุกพรรคการเมือง
ยืนยันที่เดินทางไปพรรคก้าวไกลเมื่อวานนี้ไม่ใช่การเชิญพรรคก้าวไกลมาร่วมรัฐบาล เพราะเราชัดเจนอยู่แล้วว่าตั้งแต่ที่แยกกันจาก MOU คือ พรรคเพื่อไทยไปเป็นฝ่ายค้าน พรรคเพื่อไทยมาร่วมรัฐบาล ฉะนั้นที่ไปเมื่อวานคือการรับฟังความเห็นเพื่อให้การตั้งรัฐบาลสามารถมิติทางการเมืองใหม่ ตามที่ได้กล่าวไป คือ พรรครัฐบาลและพรรคฝ่ายค้านจะทำงานการเมืองอย่างสร้างสรรค์
อ่านข่าว : ดีลจบ! ชาติไทยพัฒนา-เพื่อไทย ร่วมตั้งรัฐบาล 238 เสียง
อะไรที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชนพร้อมทำได้ทุกเรื่อง ยกเว้นการแก้ไข ม.112 และเรื่องที่เกี่ยวข้องกับสถาบันหลักของประเทศ และจากจุดยืนที่พูดมาตลอด ผมไม่เชื่อว่า สส. สว. หรือ องค์กรต่าง ๆ ที่เราขอความร่วมมือกันจะมีปัญหา
วันนี้ สิ่งที่ต้องการเป็นอันดับแรก คือ การแก้วิกฤตของประเทศ ให้ความไว้วางใจกับพรรคเพื่อไทยและแคนดิเดตของพรรคเพื่อไทย เราจะเป็นแกนนำในการประสานงาน ทุกพรรคที่มาร่วมจึงให้ความไว้วางใจในทีมงานของพรรคเพื่อไทยมีคุณสมบัติ มีคุณภาพพอที่จะนำพาประเทศให้พ้นวิกฤตประเทศ
นายภูมิธรรม กล่าวว่า เราได้พูดถึงสถานการณ์พิเศษกับเจตจำนงของพรรคเพื่อไทย ที่ไปทุกฝ่ายที่เราไปคุยเหมือนกัน เหมือนกับพรรคก้าวไกล คือ ให้ไปไตร่ตรองและคิด เพราะยังมีเวลาที่จะโหวตอีกหลายวัน เพราะเรายังไม่หยุดในการดำเนินการทำคู่ขนานกันไป พรรคไหนพร้อม ก็พร้อมจะเปิดไปทีละพรรค ทุกพรรคคุยหมดแล้ว ไม่ได้คาดคั้นว่าจะต้องตอบอย่างไร หากยังไม่พร้อมก็ให้ไปพิสูจน์ในวันโหวตนายกฯ
เราเริ่มต้นที่ 141 เสียง จากวันนั้นถึงวันนี้ คือ การดำเนินงานที่เห็นเป็นรูปธรรม คือ 238 เสียง ยืนยันว่าเกินกึ่งหนึ่งแล้ว เรื่องนี้ต้องทำให้ชัดเจน ทำให้เห็นมีเวลาจนถึงวันที่ 17 ส.ค.ให้ประธานเรียกประชุม ยืนยันว่าก่อนถึงวันเลือกนายกฯ จะมีเสียงทั้งหมดให้เห็นว่า สามารถเลือกนายกฯจากเราได้ม้วนเดียวจบ
นายภูมิธรรม กล่าวว่า เราปฏิเสธความคิดคนที่เห็นแตกต่างไม่ได้ วันนี้สิ่งที่พรรคเพื่อไทยยืนยัน แล้วก็จะได้รับการมองเห็นว่า มีความตั้งใจที่จะสลายความขัดแย้งจริง ๆ มีหน้าที่ทำงานที่จะพิสูจน์ความจริงและความจริงใจ อยากจะแก้ปัญหาประเทศ อยากแก้วิกฤต อยากสลายทั้งหมด
ความตั้งใจและการทำงานของพรรคเพื่อไทยจะเป็นบทสรุปในอนาคต ถ้าเราคิดไม่ดีต่อประเทศ หรือ ตัดสินใจอย่างไรก็ตาม ถ้าประชาชนส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วย เราพร้อมที่จะรับผิดชอบต่อสิ่งที่เราตั้งใจทำ
นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงข้อกังวลของ สว.บางส่วนที่เห็นว่าเพื่อไทยไปพูดคุยกับก้าวไกลและจะดึงเข้ามาร่วมรัฐบาลภายหลังนั้น ว่า เพื่อไทยกับก้าวไกลพยายามจัดตั้งรัฐบาลร่วมกัน โดยมีก้าวไกลเป็นแกนนำ ผลการทำหน้าที่ในนาม 8 พรรคร่วม 312 เสียง ไม่ประผลสำเร็จ ไม่ได้รับการสนับสนุนจากเสียงในรัฐสภา กระทั่งเพื่อไทยพยายามอย่างถึงที่สุดในการขอคะแนนจากทุกฝ่าย ทั้งสอบถาม สส. สว. และพรรคการเมืองอย่างเปิดเผย เพื่อต้องการคำตอบอย่างเปิดเผยว่า เหตุใดไม่ลงคะแนนให้การตั้งรัฐบาลร่วมกับก้าวไกล ซึ่ง 4 พรรคการเมืองตอบชัดในประเด็น ม.112 ว่าไม่สามารถลงคะแนนให้ได้
เราเองจำยอมที่จะต้องทำ ไม่เคยเกลียดพรรคก้าวไกล ไม่เคยปฏิเสธเสียงพี่น้องประชาชน แต่สถานการณ์นี้ถ้าเพื่อไทยไม่ทำอะไรเลย ปล่อยให้บ้านเมืองเป็นอย่างนี้ เท่ากับปฏิเสธความรับผิดชอบต่อประชาชนและบ้านเมือง
นายชลน่าน กล่าวว่า การแสวงหาเสียงเพิ่มเติมเป็นสิทธิโดยชอบธรรมที่ได้รับมอบหมาย วิกฤตติดล็อกรัฐธรรมนูญ ทำให้ต้องเดินทางไปพูดคุยกับทุกพรรค ซึ่งการไปพรรคก้าวไกลเป็นการขอความร่วมมือว่า เป็นไปได้มากแค่ไหนที่จะปลดล็อกเงื่อนไขรัฐธรรมนูญ ไม่ได้ไปเชิญชวนพรรคก้าวไกลให้ร่วมรัฐบาล และไม่มีพันธสัญญาในการร่วมรัฐบาลหลังจากนี้ จึงเชื่อว่าสามารถตอบคำถาม สว.ได้ และจะได้รับการยอมรับ
เราพยายามหาทางออกที่ดีที่สุดในความต้องการของประชาชน
นพ.ชลน่าน กล่าวว่า ได้สร้างความมั่นใจว่ามีเสียงข้างมากเกินกึ่งหนึ่งอยู่แล้ว ทุกพรรคจึงมาร่วมกับเพื่อไทยจัดตั้งรัฐบาล ส่วนจะเป็นเสียงข้างมากถึง 280-300 เสียงหรือไม่ อยู่ในขั้นตอนการทำงาน พรรคเพื่อไทยมีข้อจำกัดในทางเลือกมาก แต่จะทำเพื่อประเทศชาติบ้านเมือง ขณะที่การแบ่งขั้วการแบ่งสีและการสร้างวาทกรรมในบางเรื่อง ถ้านำทุกฝ่ายมาร่วมมือกัน อาจเป็นเรื่องหนึ่งที่ทำให้ประเทศเดินหน้าได้
ทุกเสียง ทุกคำวิพากษ์วิจารณ์เรารับฟัง อะไรที่เป็นประโยชน์ก็นำมาปรับใช้ อันไหนไม่เป็นประโยชน์ก็ฟังแล้วผ่านไป เพราะปิดกั้นการแสดงความคิดเห็นไม่ได้
นพ.ชลน่าน กล่าวถึงกรณี สส.พรรคก้าวไกลใช้เฟซบุ๊กสอบถามความคิดเห็นประชาชน ว่า ถือเป็นช่องทางที่ดี แต่การรับฟังความเห็นเพียงส่วนใดส่วนหนึ่ง ก็ต้องคำนึงถึงคนไทย 67 ล้านคนด้วย แต่ละพรรคก็มีผู้สนับสนุนของตนเอง เชื่อว่ามีคนจำนวนมากอีกกลุ่มที่พร้อมพิจารณาและตัดสินในอนาคต ถ้าก้าวไกลมีข้อเสนอจากฐานประชาชนอย่างไร เพื่อไทยก็ยินดีรับฟัง ถ้าตอบว่าสนับสนุนไม่ได้ เพื่อไทยก็มีจะใช้ทางเลือกอื่น ๆ ในการทำงาน แต่อย่าพูดทำนองว่าพรรคเพื่อไทยเล่นละครเพื่อเป็นข้ออ้างร่วมกับพรรคการเมืองอื่น เพราะสิ่งที่ทำอยู่ในความเป็นจริง ยืนยันว่าทำทุกช่องทางที่ควรจะเป็น
