วันนี้ (13 ส.ค.2566) นายปิติพงศ์ เต็มเจริญ หัวหน้าพรรคเป็นธรรม พร้อมด้วยนายกัณวีร์ สืบแสง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเป็นธรรม ในฐานะเลขาธิการพรรคฯ เป็นประธานการประชุมใหญ่สามัญประจำปีของพรรคฯ โดยมีวาระสำคัญในการรายงาน และรับทราบผลการเลือกตั้ง สส.เมื่อ 14 พ.ค.ที่ผ่านมา ที่พรรคฯ ได้รับเลือกตั้ง สส.บัญชีรายชื่อ 1 คน คือ นายกัณวีร์ พร้อมรับทราบผลงานดำเนินกิจกรรมของพรรคฯ ในห้วงระยะเวลาที่ผ่านมา และแต่งตั้งตำแหน่งกรรมการบริหารพรรคที่ว่างลง 2 ตำแหน่ง และตำแหน่งเหรัญญิกพรรค 1 ตำแหน่ง
ที่ประชุมฯ มีมติเอกฉันท์ให้ น.ส.ปุณยวีร์ เต็มเจริญ สมาชิกพรรคเป็นธรรม ซึ่งเป็นบุตรสาวของนายปีติพงศ์ ดำรงตำแหน่งเหรัญญิก และกรรมการบริหารพรรคฯ และให้นายพงษ์ธาริน บุตรทอง สมาชิกพรรคฯ ดำรงตำแหน่งกรรมการบริหารพรรคฯ
นอกจากนั้น ที่ประชุมฯ ยังมีมติแก้ไขข้อบังคับพรรคฯ ที่เกี่ยวข้องกับสมาชิกภาพของสมาชิกพรรคพรรคที่จะสิ้นสุดลง หากคณะกรรมการบริหารพรรคมีมติให้ออก เพราะกระทำผิดวินัยหรือจรรยาบรรณอย่างร้ายแรง หรือไม่ปฏิบัติตามมติของคณะกรรมการบริหารพรรค หรือฝ่าฝืนข้อบังคับพรรค หรือทำให้พรรคเสื่อมเสีย หรือมีเหตุร้ายแรงอย่างอื่น เนื่องจากในช่วงการเลือกตั้งนั้น มีสมาชิกพรรค ไปแสดงจุดยืนทางการเมืองที่ไม่สอดคล้องกับอุดมการณ์ของพรรคเป็นธรรม ทำให้พรรคถูกจับตาและถูกกล่าวหาจากฝ่ายความมั่นคงว่ามีนโยบายลักษณะการแบ่งแยกดินแดน
เตรียมเดินหน้าสู้เลือกตั้งครั้งหน้า
นายปีติพงศ์ ยังยอมรับต่อที่ประชุมด้วยว่า สถานการณ์ทางการเมืองขณะนี้ ไม่แน่นอน และพรรคเป็นธรรม เป็นพรรคการเมืองขนาดเล็ก สามารถดำเนินกิจกรรมได้ยาก จึงต้องมีท่าทีทางการเมืองที่ชัดเจน และก่อนหน้านี้ พรรคเป็นธรรมได้รับการรับเชิญจากพรรคก้าวไกลให้ร่วมรัฐบาล แต่ปัจจุบันพรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลแล้ว และมีท่าทีที่จะให้พรรคการเมืองขั้วรัฐบาลเดิมเข้าร่วมจัดตั้งรัฐบาลด้วย ซึ่งสวนทางกับอุดมการณ์ของพรรคเป็นธรรม ที่ไม่ต้องการร่วมรัฐบาลกับขั้วอำนาจเดิม และอยากเห็นพรรคการเมืองที่ชนะการเลือกตั้ง ลำดับที่ 1 ควรได้รับตำแหน่งบริหารประเทศ ซึ่งแม้จะต้องใช้เวลาอีก 10 เดือน เพื่อให้สมาชิกวุฒิสภาหมดอำนาจลง พรรคเป็นธรรมก็สามารถรอได้
รวมถึงยังเห็นว่า การต่อรองและการเจรจาทางการเมืองที่กำลังเกิดขึ้นนั้นไม่ได้เป็นประโยชน์ต่อประชาชน และพรรคเป็นธรรมไม่ได้ยึดติดว่าจะต้องเป็นพรรคร่วมเท่านั้น และในวันที่ 16 ส.ค.นี้ พรรคเป็นธรรมจะประชุมกรรมการบริหารพรรคเพื่อเตรียมทำหน้าที่ฝ่ายค้านต่อไป โดยยอมรับว่า การเป็นฝ่ายค้านนั้นสามารถทำหน้าที่ได้ยาก แต่ก็จะยังคงสนับสนุนกระบวนการการแก้ไขรัฐธรรมนูญ การกระจายอำนาจ และการคืนความเป็นธรรมให้ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ต่อไป
นายปีติพงศ์ ยังกล่าวถึงทิศทางการดำเนินกิจกรรมทางการเมืองของพรรคเป็นธรรม หลังจากที่สามารแจ้งเกิดในการเลือกตั้ง 14 พ.ค.ที่ผ่านมาได้แล้วว่า ในอีก 4 ปีข้างหน้า พรรคเป็นธรรมจะชนะการเลือกตั้ง สส.แบบแบ่งแขตให้ได้ โดยจะส่งผู้สมัครให้ได้มากกว่า 25 เขตการเลือกตั้งทั่วประเทศ เพื่อให้มีโอกาสสามารถเสนอชื่อนายกรัฐมนตรี ในที่ประชุมรัฐสภาหรือสภาผู้แทนราษฎรได้ พร้อมเชิญชวนประชาชนที่ผิดหวังจากพรรคการเมืองเดิมที่ตนเองเคยศรัทธาก็สามารถมาร่วมงานกับพรรคเป็นธรรมได้
ไม่สนับสนุนขั้วรัฐบาลเก่า
นายปีติพงศ์ กล่าวถึงแนวทางของพรรคเป็นธรรมในการเตรียมลงมติเลือกนายกรัฐมนตรี ในการประชุมรัฐสภาสัปดาห์หน้า โดยย้ำว่า มติของพรรคเป็นธรรมในการลงมติเลือกนายกรัฐมนตรีนั้นยังคงเป็นไปตามอุดมการณ์ของพรรคฯที่สนับสนุนให้พรรคการเมืองลำดับที่ 1 จัดตั้งรัฐบาลเป็นผู้บริหารประเทศเป็นหลัก แต่หากพรรคการเมืองลำดับที่ 1 ไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้ ก็สามารถรอมชอมให้พรรคการเมืองลำดับที่ 2 ได้ ซึ่งหากผิดจากนี้พรรคเป็นธรรมจะไม่สนับสนุนแน่นอน
พร้อมมองว่า การเมืองในปัจจุบันที่พรรคเพื่อไทยนำจัดตั้งรัฐบาลและไปรวบรวมเสียงสนับสนุนจากพรรคการเมืองลำดับถัดไปมาร่วมรัฐบาล โดยไม่มีพรรคก้าวไกล ที่เป็นพรรคการเมืองที่ได้คะแนนเสียงลำดับที่ 1 มาร่วมรัฐบาลด้วยนั้น พรรคเป็นธรรมก็ไม่เห็นด้วย และพรรคเป็นธรรม จะไม่ขอร่วมรัฐบาลด้วย
หลีกทาง “ก้าวไกล” ชิงเลือกตั้งซ่อมระยอง
นายปีติพงศ์ กล่าวว่าการส่งผู้สมัคร สส.ในการเลือกตั้งซ่อมเพื่อทดแทนตำแหน่งที่ว่างลง ที่ จ.ระยอง เขตการเลือกตั้งที่ 3 ว่า พรรคเป็นธรรมจะไม่ส่งผู้สมัครลงเลือกตั้ง เนื่องจากเป็นการเลือกตั้งซ่อม จึงจำเป็นจะต้องให้เกียรติเจ้าของพื้นที่เดิม คือ พรรคก้าวไกล ส่งผู้สมัคร ดังนั้น ถ้าพรรคก้าวไกล จะส่งพรรคเป็นธรรม จะไม่ส่งแข่งขัน เนื่องจาก ระหว่างพรรคก้าวไกล และพรรคเป็นธรรม มีความสัมพันธ์ทางการเมืองที่ดีระหว่างกัน ดังนั้น จึงควรให้พรรคก้าวไกลรักษาฐานเสียงเดิมไว้
ไม่กังวลต้องเป็นฝ่ายค้าน
ด้าน นายกัณวีร์ สืบแสง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเป็นธรรม ในฐานะเลขาธิการพรรคฯ ย้ำว่า ตนเองในฐานะ 1 เสียงของพรรคเป็นธรรม จะไม่ให้ความเห็นชอบนายกรัฐมนตรีคนใดก็ตาม ที่ในการจัดตั้งรัฐบาลมีพรรคพลังประชารัฐ และพรรครวมไทยสร้างชาติเข้าร่วมรัฐบาลด้วย และพร้อมที่จะเป็นฝ่ายค้าน เนื่องจากไม่เห็นด้วยกับการสถาปนาอำนาจรัฐที่ผลักเสียงข้างมากหรือพรรคก้าวไกลไปเป็นฝ่านค้าน โดยมองว่า เป็นประชาธิปไตยที่บิดเบี้ยวและพรรคเป็นธรรมจะไม่ให้ความร่วมมือเพื่อรักษาจุดยืนเดิม พร้อมยังคงหวังว่าจะมีการการกลับมาของรัฐบาลที่มีพรรคการเมืองที่มีอุดมการณ์เหมือนกัน
นายกัณวีร์ ยังไม่กังวลต่อการทำหน้าที่ฝ่ายค้านด้วย เนื่องจากยังสามารถใช้กลไกของฝ่ายนิติบัญญัติ ทั้งการตั้งกระทู้ การขอหารือ การเสนอญัตติ และกรรมาธิการ มาติดตามการบริหารงานของรัฐบาล และผลักดัน และสนับสนุนนโยบายของพรรค ทั้งการสร้างสันติภาพในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ให้กินอิ่มนอนหลับ มีสันติภาพที่กินได้ และสร้างการมีส่วนร่วมของประชาชน การกระจายอำนาจ โดยมีประชาชนเป็นศูนย์กลางทั้งประเทศ