วันนี้ (15 ส.ค.2566) นายชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์ อดีตนักการเมือง นำหลักฐานที่เป็นเอกสารที่เกี่ยวกับตัวบุคคล ซึ่งเป็นผู้ที่ซื้อที่ดิน ย่านทองหล่อ ซอย 12 มูลค่าหลายร้อยล้านบาท เป็นเพียงแม่บ้าน และเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเป็นผู้ถือหุ้นบริษัทบริษัท แห่งหนึ่ง (เอ็นแอนด์เอ็น แอสเซ็ท จำกัด) นำเงินไปไถ่ถอนจำนองที่ดินย่านทองหล่อ กับธนาคาร (แลนด์แอนด์เฮ้าส์ ) จำนวน 465 ล้านบาท
และพบปรากฏชื่อผู้รับจำนองต่อเป็นบริษัทอีกบริษัทหนึ่ง (บริษัท อาณาวรรธน์ จำกัด) ที่มีชื่อนายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกฯ พรรคเพื่อไทย เป็นหนึ่งในกรรมการบริษัท ซึ่งนายชูวิทย์ อ้างว่าเป็นบริษัทนอมินีในเครือนายเศรษฐา และพบว่ามีการทำสัญญากู้จำนวน 1,000 ล้านบาท เพื่อนำมาซื้อที่ดินต่อจากบริษัทที่มีแม่บ้านถือหุ้นอยู่ จำนวน 565 ล้านบาท
และต่อมาพบว่าบริษัทใหญ่ที่นายเศรษฐา เป็นกรรมการบริษัท ได้ซื้อที่ดินต่อจากบริษัทนอมินี เป็นจำนวนเงิน 1,000 ล้านบาท ทำให้มีส่วนต่างจากเงินที่ซื้อขายจริง เป็นจำนวน 435 ล้านบาท
นายชูวิทย์ จึงตั้งข้อสงสัยว่าเงินจำนวนนี้หายไปไหน การกระทำเช่นนี้ถือว่าเป็นการฉ้อโกงผู้ถือหุ้นหรือไม่ และมีคุณสมบัติเพียงพอต่อหารที่จะถูกเลือกให้เป็นนายกคนต่อไปหรือไม่
พินิช ทางแสนสิริให้กู้เงินซื้อที่ดิน 1,000 ล้านบาท และมีภูมิลำเนาที่มหาสารคาม มีอาชีพแม่บ้าน ไม่มีประวัติการเสียภาษี ตั้งคำถามว่าต่อไปถ้าไปน.ส.พินิช ไปจิ้มซื้อที่ดินย่านทองหล่อ และถ้านายเศรษฐา เป็นนายกฯ แบบนี้คนขายกล้วยแขก ขายข้าวแกง ก็ซื้อได้ เพราะไม่ต้องมีเครดิต
นายชูวิทย์ ยังระบุว่า กรณีที่นายเศรษฐา จะถูกโหวตเป็นนายกรัฐมนตรีคนต่อไปหรือไม่ ต้องรอดู และหากนายเศรษฐา ไม่ถอย หรือถอนตัว ก็จะแฉต่อ พร้อมได้มีการเตรียมหลักฐานไว้แล้ว คาดจะแถลงข่าวอีกครั้ง วันที่ 18 ส.ค.นี้ซึ่งคาดว่า จะเป็นวันโหวตนายกรัฐมนตรีในรัฐสภา โดยจะตั้งหัวข้อว่านายกดิจิทัล
อย่างไรก็ตาม ในการแถลงข่าวครั้งนี้ เกิดการปะทะคารมระหว่างนายชูวิทย์ กับทีมงานของนายสนธิ ลิ้มทองกุล ที่มาฟังการเเถลงข่าว มีอยู่ช่วงหนึ่งพูดว่านายสนธิ ฝากลูกกระจ๊อกมานั่งฟังการเเถลง จึงทำให้ทีมงานสนธิ ลุกขึ้น ตอบโต้ เดือดเเละนาย ชูวิทย์ ฝากมินต์ฉี่ ให้นายสนธิ
อ่านข่าว “ชูวิทย์” เปิดข้อมูลอ้าง “เศรษฐา” ทำนิติกรรมอำพราง เลี่ยงภาษี 521 ล้าน
ทั้งนี้นายชูวิทย์ ระบุทิ้งท้ายว่า หลังจากนี้จะไปยื่นเอกสารต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เพื่อขอให้ตรวจสอบธรรมภิบาลของ บ.แสนสิริ และจะนำข้อมูลไปยื่นให้สมาชิกวุฒิสภาช่วยตรวจสอบคุณสมบัติ นายเศรษฐา โดยจะเดินทางไปที่รัฐสภา ยื่นหนังสือผ่านประธานรัฐสภา เพราะเชื่อว่าข้อมูลชุดนี้จะถูกขยายผลแน่นอน
นอกจากนี้นายชูวิทย์ กล่าวอีกว่า หากวันไหนที่ตัวเองไม่อยู่ จะคิดถึงสิ่งที่ตนกำลังทำอยู่ เพราะไม่ใช่ใครก็ทำได้ พร้อมระบุอีกว่า มีความพยายามจะให้ตนหยุดแฉนายเศรษฐา มาตลอด มีทั้งการเสนอเงินและต่อรองอื่นๆ
กระทั่งเมื่อวานนี้เที่ยงคืน มีคนโทรหาผม เพื่อให้หยุดภารกิจในวันนี้ แต่ผมก็จะพูดของผมต่อไปเรื่อยๆ
ขณะที่ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีนายชูวิทย์ ออกมาแฉนายเศรษฐา เกี่ยวกับความไม่สุจริต เรื่องนี้อาจกระทบเสียง และการตัดสินใจของ สว. หรือไม่
โดยระบุว่า ทุกคนรู้จักนายชูวิทย์ดี ว่า สามารถนำเสนอประเด็นได้เรื่อยๆ แต่คุณสมบัติของนายเศรษฐา ก็เป็นไปตามระเบียบ ถ้าผ่านกระบวนการมาเรียบร้อยแล้วก็ไม่น่าจะมีปัญหา และเมื่อมีการรับรองแล้วจะมีคนเห็นเหมือน หรือเห็นต่างอย่างไรนั้นก็ขึ้นอยู่กับแต่ละคน
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
“ภูมิธรรม” มั่นใจโหวตนายกฯ ครั้งเดียวจบ ขอเป็นหินก้อนแรกสร้างทางใหม่
ยื่นสอบจริยธรรม “ปดิพัทธ์” โพสต์ภาพคู่แอลกอฮอล์-มั่นใจหลุดเก้าอี้