นักโทษอย่างน้อย 500 คน อดอาหารประท้วงภายในเรือนจำบาห์เรน ซึ่งเป็นเรือนจำหลักในการคุมขังนักโทษทางความคิด โดยพวกเขากำลังปฏิเสธอาหารเพื่อประท้วงสภาพความเป็นอยู่ในเรือนจำ ทั้งนี้ ผู้ถูกควบคุมตัวเริ่มปฏิเสธรับอาหารในวันที่ 7 ส.ค. และเริ่มมีผู้อดอาหารเพิ่มจำนวนขึ้นเรื่อยๆ นับตั้งแต่นั้นมา
ซาเยด อัลวาดาเอล จากสถาบันบาห์เรนเพื่อสิทธิและประชาธิปไตย (Bird) และอดีตผู้ต้องขังในเรือนจำยาอูล กล่าวว่า “นี่อาจเป็นหนึ่งในการประท้วงที่ทรงพลังที่สุด ที่เคยเกิดขึ้นในระบบเรือนจำบาห์เรน ขนาดของมันล้นหลาม”
ตามคำแถลงของผู้ต้องขัง ที่ได้รับการปล่อยตัวผ่านพรรคฝ่ายค้านอัล-เวฟัค ที่ผิดกฎหมายบาห์เรน ระบุว่า การประท้วงอดอาหาร รวมถึงการเรียกร้องเวลานอกห้องขังที่เพิ่มขึ้น ซึ่งปัจจุบันจำกัดอยู่เพียงแค่ 1 ชั่วโมงต่อวัน การละหมาดในที่ชุมนุมที่มัสยิดของเรือนจำ การเปลี่ยนแปลงข้อจำกัดเกี่ยวกับการเข้าเยี่ยมของครอบครัว การปรับปรุงสถานที่ศึกษา และการเข้าถึงการรักษาพยาบาลที่เหมาะสม “สิ่งเหล่านี้ไม่ใช่ข้อเรียกร้องเล็กๆ น้อยๆ แต่เป็นข้อเรียกร้องที่จำเป็นสำหรับชีวิตมนุษย์” กลุ่มนักโทษกล่าวเสริม
บาห์เรน ซึ่งเป็นประเทศเกาะบริเวณอ่าวและมีประชากร 1.5 ล้านคน มีอัตราการจำคุกต่อหัวประชากรสูงสุดในภูมิภาคตะวันออกกลาง ทั้งนี้ บาห์เรนมีผู้ถูกคุมขังประมาณ 3,800 คน ซึ่ง Bird ประเมินว่านักโทษประมาณ 1,200 คนในนั้นเป็นนักโทษทางความคิด
นับตั้งแต่การประท้วงเรียกร้องประชาธิปไตย เพื่อต่อต้านการปกครองของราชวงศ์อัลเคาะลีฟะห์ เจ้าผู้ปกครองประเทศบาห์เรนในปี 2554 ประชาชนบาห์เรนจำนวนมากที่เกี่ยวข้องกับการเดินขบวนต่างถูกจับตัวและคุมขัง ทั้งนี้ รัฐบาลบาห์เรนได้ดำเนินการกวาดล้างนักกิจกรรม ภาคประชาสังคม และกลุ่มการเมืองฝ่ายค้าน รวมทั้งสั่งแบนพรรคการเมือง 2 พรรคในประเทศ
ปัจจุบันนี้ นักโทษการเมืองส่วนใหญ่ในบาห์เรน 1,200 คนอยู่ในเรือนจำยาอูล โดนอดีตผู้ต้องขัง อาทิ อัลวาดาเอลกล่าวว่า นักโทษการเมืองจะถูกขังแยกจากกัน และได้รับการปฏิบัติที่รุนแรงเป็นพิเศษจากนักโทษทั่วไป
นักโทษการเมืองคนสำคัญ รวมทั้ง อับดุลฮาดี อัล-คาวาจา นักปกป้องสิทธิมนุษยชนมากประสบการณ์ เป็นหนึ่งในกลุ่มผู้อดอาหารประท้วงในเรือนจำยาอูล ทั้งนี้ ลูกสาวของเขาอย่าง มาร์ยัม อัล-คาวาจา นักเคลื่อนไหวกล่าวว่า พ่อของเธอซึ่งถูกคุมขังตั้งแต่ปี 2554 เริ่มประท้วงด้วยการอดอาหารเพื่อเรียกร้องการรักษาทางการแพทย์ที่เพียงพอสำหรับผู้ป่วยโรคหัวใจในเรือนจำ หลังจากที่พ่อของเธอถูกปฏิเสธเรือนจำไม่ให้นัดหมายกับแพทย์โรคหัวใจถึง 11 ครั้ง
มาร์ยัมกล่าวว่าพ่อของเธอเชื่อว่า เขาถูกแยกการลงโทษเพิ่มเติมจากคนอื่นๆ หลังจากเขาเริ่มการเรียกร้องให้นักโทษได้รับการดูแลทางการแพทย์ที่เหมาะสม เธอกล่าวอีกว่าการขาดการดูแลทางการแพทย์ ส่งผลให้ชีวิตของพ่อของเธอตกอยู่ในความเสี่ยง “เขามีภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ และเขามีความเสี่ยงที่จะหัวใจวายหรือเส้นเลือดในสมองแตกได้ทุกเมื่อ เราเชื่อว่าพ่อของฉันต้องการการผ่าตัดด่วน เพื่อติดตั้งเครื่องกระตุ้นหัวใจ”
นักโทษรายอื่นๆ กล่าวว่า การปฏิเสธการรักษาพยาบาล การขังเดี่ยวเชิงลงโทษ และการทารุณกรรมเป็นเรื่องปกติในเรือนจำของบาห์เรน โดยครอบครัวของ อาห์เหม็ด ยาฟาร์ โมฮาเหม็ด อาลี นักโทษที่ถูกส่งผู้ร้ายข้ามแดนจากเซอร์เบียไปยังบาห์เรนเมื่อปีที่แล้ว ซึ่งเป็นการส่งตัวผู้ร้ายที่ฝ่าฝืนคำตัดสินของศาลสิทธิมนุษยชนแห่งยุโรป เนื่องจากกลัวว่าเขาจะถูกทรมานในบาห์เรน กล่าวว่า อาลีได้เข้าร่วมการอดอาหารประท้วงด้วยเช่นกัน
ครอบครัวของอาลีระบุว่า หลังจากที่อาลีขอพบเจ้าหน้าที่ที่เรือนจำยาอูล เมื่อวันที่ 15 ส.ค. เจ้าหน้าที่ได้สั่งให้เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์คนอื่นฉีดสเปรย์พริกไทยใส่หน้าอาลี จากนั้นเขาถูกมัดแขนไพล่หลังและขา ก่อนจะถูกนำตัวไปขังเดี่ยว
รัฐบาลบาห์เรนได้รับการติดต่อจากสื่อมวลชนเพื่อขอความคิดเห็น โดยสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดินของกระทรวงมหาดไทยบาห์เรน ระบุว่า ทางหน่วยงานได้ดำเนินการสอบสวนเพื่อ “รับประกันว่าผู้ต้องขังได้รับสิทธิทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นการดูแลสุขภาพ การเยี่ยมเยียน หรือการติดต่อกับครอบครัว และไม่ถูกปฏิบัติอย่างโหดร้าย”
ที่มา: