‘ชลน่าน’ คาดโผ ครม.จัดเสร็จเย็นนี้ ยัน ‘รมว.กลาโหม’ เป็นพลเรือนได้ เพราะรัฐบาลเพื่อไทยเกิดมาเพื่อสมานฉันท์ ส่วน ‘รมว.เกษตรฯ’ มาจากพรรคไหน ก็ต้องทำตามนโยบายเพื่อไทย
วันที่ 28 ส.ค. นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย เปิดเผยความคืบหน้าในการจัดตำแหน่งคณะรัฐมนตรี “ครม.เศรษฐา 1” ว่า ขณะนี้พรรคเพื่อไทย อยู่ในขั้นตอนการรวบรวมรายชื่อจากพรรคร่วม เพื่อเสนอต่อนายกรัฐมนตรี ขณะนี้อยู่ในระหว่างการพิจารณาคุณสมบัติ ซึ่งเกือบร้อยเปอร์เซ็นต์แล้ว โดยคาดว่า จะมีการพิจารณาเสร็จสิ้นภายในเย็นนี้
ส่วนกรณีที่มีกระแสว่า สส.พรรคเพื่อไทย ในภาคอีสาน ไม่พอใจผู้ที่มาดำรงตำแหน่ง รมว.เกษตร ซึ่งมาจากพรรคการเมืองอื่นนั้น นพ.ชลน่าน มองว่า สมาชิกพรรคเพื่อไทยมีทุกพื้นที่ เรารับปัญหามาจากพี่น้องประชาชน และฟังมาโดยตลอด ซึ่งพรรคเพื่อไทย ในฐานะแกนนำรัฐบาล เราเข้าใจ โดยเฉพาะกระทรวงที่เกี่ยวกับเศรษฐกิจปากท้อง แต่ครั้งนี้ พรรคเพื่อไทย มีพรรคร่วมในการจัดตั้งรัฐบาล ต้องมีการทำงานและการเจรจาต่อรองร่วมกันเพื่อมีเป้าหมายเดียวกัน ซึ่งจะต้องใช้หลักในการพิจารณาร่วมกัน แน่นอนว่าอาจจะทำให้ บางกระทรวงที่เราคาดหวัง อาจจะทำให้ไม่เป็นไปตามความต้องการ
“เราขอกราบขอออภัยจริงๆ เราในฐานะไม่ใช่เสียงข้างมากเด็ดขาด เราจำเป็นต้องมีพรรคร่วมรัฐบาล เรามีเพียงแค่ 141 เสียงเท่านั้นเอง เราจำเป็นต้องหาเพิ่มอีกมากมาย กว่าจะเป็น 314 ได้ มันมีข้อจำกัด เรื่องนี้เอง มันเลยทำให้ความประสงค์ที่ประชาชนต้องการ ไม่ได้เป็นไปตามที่คาดหวังไว้ แต่ขอเรียนด้วยความเคารพ เราเป็นรัฐบาล ภายใต้การนำของ เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี พรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำ เรามมีนโยบายพรรคร่วม แต่เราจะใช้นโยบายของพรรคเราเป็นหลัก ไม่ว่ารัฐมนตรีมาจากไหนพรรคไหนก็ตาม เราได้มีข้อผูกพันตรงนี้ไว้แล้ว ในการขับเคลื่อน ส่วนนโยบายของพรรคอื่น เราจะนำมาเสริมเติมแต่งให้เข้มแข็งมากขึ้น ซึ่ง สส.ของแต่ละพรรค ก็มีหน้าที่ขับเคลื่อนนโยบายของพรรคเพื่อไทย ลงไปสู่ประชาชนด้วย ซึ่งจะสามารถชดเชยกันได้” นพ.ชลน่าน กล่าว
นพ.ชลน่าน ย้ำว่า อย่างไรก็ตาม จะใช้นโยบายของพรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำหลัก ซึ่งจะเขียนเป็นนโยบายออกมา และจะปรากฎในนโยบายของรัฐบาล ในเร็วๆนี้ ดังนั้นอะไรที่ปรากฏเป็นนโยบายของรัฐบาล ก็จะต้องขับเคลื่อนไม่ว่าจะเป็นกระทรวงใด พรรคใด ก็แล้ว ไม่เป็นปัญหา เราจะต้องหารือกัน
ส่วนกรณี กระทรวงกลาโหม ที่มีกระแสข่าวว่า จะเป็น สุทิน คลังแสง ขึ้นเป็นรัฐมนตรีว่าการนั้น นพ.ชลน่าน มองว่า ตอนนี้ยังไม่สิ้นสุด ยังไม่ถึงจุดสุดท้ายของคำตอบ ยังไม่ได้ตอนนี้ ว่าจะเป็นพลเรือน หรือคนมียศ แต่ในการทำงานยุคใหม่ กลไกการบริหารราชการแผ่นดิน ไม่ว่าจะเป็นตำแหน่งใด ก็สามารถบริหารราชการแผ่นดินในฐานะผู้บริหาร กระทรวง โดยเฉพาะรัฐบาลเพื่อไทย ที่สร้างขึ้นมาเพื่อความสมานฉันท์และปรองดอง ลดความขัดแย้ง ฝ่ายอำนาจได้หันหน้าเข้าหากัน ก็เชื่อว่า พลเรือน ทหาร ตำรวจ ก็จะช่วยมาทำงานร่วมกันได้