หน้าแรก Voice TV ร้อง กกต. ยุบ ‘ไทยภักดี’ ปม ‘วรงค์’ ลั่นอยากเปลี่ยนระบบใหม่ ชี้เข้าข่ายล้มล้างการปกครอง

ร้อง กกต. ยุบ ‘ไทยภักดี’ ปม ‘วรงค์’ ลั่นอยากเปลี่ยนระบบใหม่ ชี้เข้าข่ายล้มล้างการปกครอง

80
0
ร้อง-กกต.-ยุบ-‘ไทยภักดี’-ปม-‘วรงค์’-ลั่นอยากเปลี่ยนระบบใหม่-ชี้เข้าข่ายล้มล้างการปกครอง

‘ทนายภัทรพงศ์’ ร้อง กกต. ส่งศาลรัฐธรรมนูญสั่งยุบ ‘พรรคไทยภักดี’ ปม ‘นพ.วรงค์’ แถลงกลางวงเลือกกรรมการบริหารพรรค ลั่นอยากเปลี่ยนระบอบใหม่ ชี้อาจขัดรัฐธรรมนูญเข้าข่ายล้มล้างการปกครอง หวังใช้มาตรฐานเดียวกับ ‘พิธา’

วันที่ 28 ส.ค. ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) ภัทรพงศ์ ศุภักษร หรือทนายอั๋น บุรีรัมย์ พร้อมด้วย สมยศ พฤกษาเกษมสุข แกนนำกลุ่ม 24 มิถุนาประชาธิปไตย และวีรวิชญ์ รุ่งเรืองศิริผล หรือ ลุงศักดิ์ คนเสื้อแดง ร้อง กกต. เพื่อขอให้ตรวจสอบ และพิจารณาส่งศาลรัฐธรรมนูญ กรณีที่ นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม หัวหน้าพรรคพรรคไทยภักดี แถลงถึงจุดยืนของพรรคอยากเห็นประเทศเป็นระบอบการปกครองแบบใหม่ ที่อาจจะไปขัดต่อพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยพรรคการเมือง มาตรา 92

ภัทรพงศ์ กล่าวว่า เมื่อเห็นการแถลงข่าวของ นพ.วรงค์ ในฐานะหัวหน้าพรรคไทยภักดี เมื่อวันที่ 5 ส.ค. ที่ผ่านมาในการเลือกตั้งคณะกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ โดย นพ.วรงค์ ได้แถลงในทำนองที่ว่าอยากเห็นประเทศไทยเป็นระบอบใหม่ ไม่เอาแล้วกว่า 91 ปีที่ผ่านมา รัฐธรรมนูญฉบับแรกคณะราษฎรจนถึงปัจจุบันพูดว่ามันคือตราบาป มรดกบาปที่คณะราษฎรทิ้งไว้ และบอกว่าประเทศไทยควรเป็นระบอบราชาธิปไตย 

ภัทรพงศ์ กล่าวว่า ในฐานะนักประชาธิปไตยผู้มีสิทธิเลือกตั้ง และเป็นคนรุ่นใหม่ประชาธิปไตยบริสุทธิ์ เห็นว่าถ้อยที่แถลงเป็นจุดยืนจองพรรคไทยภักดีนั้นไปขัดกฎหมาย พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง ม.92 ซึ่งการกระทำดังกล่าวอาจจะเป็นการล้มล้างการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข โดยอาจจะเป็นปฏิปักษ์กับการปกครองดังกล่าวได้ และขัดต่อรัฐธรรมนูญ ม.2 ที่ระบุว่า ประเทศไทยเป็นประเทศที่ปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข 

ภัทรพงศ์ กล่าวอีกว่า ดังนั้นมายื่นเพื่อให้ กกต. ทำตามม.92 พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง ด้วยการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบ หรือไม่ก็ส่งไปยังศาลรัฐธรรมนูญเลยก็ได้ เอาบรรทัดฐานที่ทำกับ พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล นำเรื่องนี้ไปยังศาลรัฐธรรมนูญเพื่อนำไปสู่การยุบพรรคไทยภักดีพร้อมทั้งตัดสิทธิทางการเมืองของกรรมการผู้บริหารพรรค 

ภัทรพงศ์ กล่าวอีกว่า ทำให้เห็นเลยว่า กกต.ไม่ได้เลือกปฏิบัติ และทำให้เห็นว่า กกต.ยังเป็นคนกลาง เป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ เราที่มายื่นก็อยากเห็นประชาธิปไตยที่มั่งคง ก้าวหน้าเท่าเทียมอารยนานาประเทศ กกต.ควรแสดงให้ประชาชนเห็นว่าไม่ได้เลือกข้าง ไม่ใช่ว่าฝ่ายประชาธิปไตยมายื่นเรื่องอะไรก็ตีตกไปหมด แล้วไปรับเรื่องแต่ฝ่ายที่เข้างข้างเผด็จการ เรามายื่นเรื้องวันนี้หวังว่าประธาน กกต. จะสั่งการโดยด่วนและนำเรื่องนี้ไปปรากฎกับศาลรัฐธรรมนูญภายในสัปดาห์หน้า

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่