วันนี้ (1 ก.ย.66) เวลา 10.10 น.นายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯ เดินทางถึง ท่าเทียบเรือ โรงน้ำแข็งศิริไพโรจน์ จ.สมุทรสงคราม เพื่อพบปะพูดคุยสอบถามถึงปัญหาความเดือดร้อนของผู้ประกอบการประมง ที่ได้รับผลกระทบจากประกาศของ IUU และแนวทางในการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของพี่น้องชาวประมง
การลงพื้นที่ครั้งนี้นอกจากจะมีนายกฯแล้ว ยังมีคณะกรรมการนโยบายด้านต่าง ๆ ของพรรคเพื่อไทย รวมถึงว่าที่รัฐมนตรีในกระทรวงที่เกี่ยวข้อง ร่วมเดินทางลงไปด้วย ประกอบด้วย ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ว่าที่ รมว.เกษตรและสหกรณ์ นางมนพร เจริญศรี ว่าที่ รมช.คมนาคม นายไผ่ ลิกค์ ว่าที่ รมช.พาณิชย์ นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ นายปลอดประสพ สุรัสวดี และนางนลินี ทวีสิน
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง “เศรษฐา” ฟิตลุยภูเก็ต-พังงาถกปัญหาท่องเที่ยว
ที่ท่าเทียบเรือวัดปากสมุทร มี นายสมนึก พรหมเขียว ผู้ว่าฯ สมุทรสงคราม ประธานคณะกรรมการบริหาร สมาคมการประมงแห่งประเทศไทย รวมทั้ง ผู้ประกอบการประมง ในพื้นที่ให้การต้อนรับ ซึ่งการแก้ไขปัญหาการทำประมงที่ผิดกฎหมายนับว่าเป็นหนึ่งในนโยบายสำคัญที่พรรคเพื่อไทย ได้หาเสียงเอาไว้ว่าจะเร่งดำเนินการทันทีหากจัดตั้งรัฐบาลได้สำเร็จ
นายกฯ ได้กล่าวกับตัวแทนภาคประมงว่า วันนี้กลับมาที่นี่ในอีกสถานะหนึ่ง ในช่วงหาเสียงก็ได้ลงพื้นที่มีการพูดคุยเรื่องของการประมง ซึ่งเป็นที่ทราบกันดีว่าเป็นปัญหาใหญ่ของประเทศในช่วงก่อนที่จะมีการประกาศ IUU เราส่งออกปีละ 350,000 ล้านบาท ปัจจุบันนำเข้า 150,000 ล้านบาท ไป-กลับ ครึ่งล้านล้านต่อปี แล้วช่วงที่ตกต่ำเสียหายหลายล้านล้านบาท
วันนี้ มีว่าที่รัฐมนตรีมาหลายท่านมาด้วย มั่นใจว่า ทุกคนเป็นผู้ที่มีความรู้ ความสามารถทำงานด้านการประมงมานาน โดยเฉพาะนายปลอดประสพ ที่เป็นผู้ที่รู้จริงทำจริง เราต้องการที่จะแก้ไขปัญหาอย่างบูรณาการคู่ขนานกันไปทั้งกฎหมายในประเทศและเจรจาการค้าต่างประเทศควบคู่กันไปขอให้มั่นใจว่าวันนี้เรามารับฟังปัญหาเพื่อเดินหน้าเต็มที่ในการแก้ไขให้พี่น้องชาวประมง
จากนั้นนายกฯ ได้ชมการสาธิตการขนย้ายสัตว์น้ำจากเรือประมงก่อนนำส่งออกและนำไปขาย ก่อนจะรับฟังเสียงสะท้อนจากตัวแทนผู้ประกอบการชาวประมงและชาวประมงในพื้นที่ จ.สมุทรสงคราม จ.สมุทรปราการ
อ่านข่าว “คนภูเก็ต” แห่รับ “เศรษฐา” ดูธุรกิจท่องเที่ยวหาดป่าตอง
นายมงคล สุขเจริญคณา นายกสมาคมประมงสมุทรสงคราม และที่ปรึกษาสหกรณ์ประมงแม่กลอง จำกัด กล่าวว่า ขอให้เร่งการแก้ พ.ร.ก.การประมง พ.ศ.2558 ยังเห็นว่า มีโทษรุนแรงเกินไป โดยเฉพาะกรณีเรือประมงทําผิดโดยไม่เจตนา ต้องถูกปรับหลายล้านบาทและระหว่างพิจารณาแก้กฎหมายประมง
นอกจากนี้ ยังขอให้แก้กฎหมายลูกที่มีปัญหาในการทำประมงภายใน 90 วัน รวมถึงการช่วยเหลือนำเรือออกนอกระบบ เพื่อพลิกฟื้นเศรษฐกิจให้ดีขึ้น พร้อมเห็นด้วยกับการปรับขึ้นค่าแรงแต่มองว่าควรจะเป็นแบบค่อยเป็นค่อยไป
ขณะที่ตัวแทนภาคประมงอื่น ๆ ต่างสะท้อนว่า เมื่อก่อนไทยเป็นอันดับ 1 ในน่านน้ำแต่ตอนนี้เราเป็นศูนย์ ส่วนการส่งเสริมการประมงนอกน่านน้ำ คือ เงินทุน เพราะหากมีเพียงนโยบายไม่สามารถทำได้จริง
ส่วนปัญหาระยะยาวคือ องค์ความรู้ เนื่องจากไต๋เรือในปัจจุบัน อายุ 50 กว่าปีใกล้ที่จะเกษียณอายุ ขณะที่ไต๋เรือรุ่นใหม่ก็แทบไม่มี เพราะไม่มีการส่งเสริมในเรื่องดังกล่าวและติดขัดเรื่องข้อกฎหมายด้วย
เช่นเดียวกับปัญหาด้านเรื่องแรงงาน ซึ่งชาวประมงและมีการยื่นบัญชีรายชื่อความต้องการจ้างแรงงานต่างด้าว หรือ Name List เพราะขณะนี้สามารถทำงานได้เฉพาะบนฝั่ง ซึ่งในประเด็นนี้ชาวประมงบริการขึ้นทะเบียนไว้อย่าง 400 คน ดังนั้นอยากให้แก้ไขให้สามารถทำงานในเรือประมงได้ด้วย
หลังรับฟังปัญหา นายกฯระบุว่า ได้เห็นถึงความลำบาก เห็นถึงปัญหา และเห็นแววตาทุกคนมีความขมขื่น ตั้งแต่ตนได้รับสนองพระบรมราชโองการฯโปรดเกล้าฯเป็นนายกฯ ได้มีการไปดูเรื่องท่องเที่ยว และการแก้ปัญหาหนี้สิน วันนี้มีการมาดูในเรื่องของการประมง และแรงงานอะไรที่อยู่ในอำนาจของคณะรัฐมนตรีก็จะมีการตั้งคณะกรรมการมาดูแล โดยให้ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า เป็นหัวหน้าคณะกรรมการ โดยเชิญผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมดมาพูดคุยกัน
อ่านข่าว “เศรษฐา” ลงพื้นที่พังงา เตรียมดันขยายวีซาท่องเที่ยวเป็น 90 วัน
หลายอย่างเราอาจจะทำไม่ได้ทั้งหมดในคราวเดียวแต่ขอความกรุณา ขอให้ความอดทนและมั่นใจในรัฐบาลพรรคเพื่อไทย แต่อะไรที่ทำได้จะทยอยทำไปก่อนอย่างน้อยให้ลืมตาอ้าปากได้ก่อน อย่างเรื่องของน่านน้ำในต่างประเทศ เช่นที่ประเทศอินโดนีเซีย มีทรัพยากรทางน้ำมาก แต่ไม่มีศักยภาพในการจับสัตว์น้ำ เราจะเดินหน้าเต็มที่เพื่อไปเปิดประตูการค้า
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
“เศรษฐา” ฟิตลุยภูเก็ต-พังงาถกปัญหาท่องเที่ยว
“คนภูเก็ต” แห่รับ “เศรษฐา” ดูธุรกิจท่องเที่ยวหาดป่าตอง
“เศรษฐา” คาดสอบคุณสมบัติรายชื่อครม.จบ พร้อมทูลเกล้าฯ วันนี้