วันนี้ (7 ก.ย.2566) นายชัยธวัช ตุลาธน สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ในฐานะเลขาธิการพรรคฯ กล่าวถึงความพร้อมของพรรคก้าวไกล ในการอภิปรายนโยบายรัฐบาลต่อรัฐสภา ระหว่างวันที่ 11-12 ก.ย.นี้ว่า พรรคก้าวไกล จัด สส.อภิปราย 30 คน ซึ่งมีทั้ง สส.หน้าใหม่ เช่น สส.ภูเก็ต ขอนแก่น และ สส.กรุงเทพมหานคร รวมถึง สส.หน้าเก่าผสมกันไป
โดยจะอภิปรายให้ครอบคลุมทุกเรื่อง ทุกมิติ ทั้งเศรษฐกิจ การเมือง สังคม และสวัสดิการ เพื่อตรวจสอบ ตั้งคำถาม และข้อสังเกตว่า นโยบายต่าง ๆ จะสะท้อนเนื้อแท้ของรัฐบาล พร้อมยอมรับว่า เนื้อหาในร่างนโยบายยังคลุมเครือ ค่อนข้างผิดหวัง และยังไม่ชัดเจนว่า จะเป็นความหวังได้หรือไม่ และจะดำเนินการให้บรรลุได้อย่างไร เพราะไม่มีการกำหนดตัวชี้วัด และระยะเวลา
ส่วนนโยบายรัฐบาลจะสร้างความสมานฉันท์ ตามเป้าหมายการจัดตั้งรัฐบาลครั้งนี้ได้หรือไม่นั้น นายชัยธวัช ระบุว่า ยังไม่แน่ใจว่า คือการปรองดองสลายขั้ว หรือเป็นการจับขั้วกันใหม่ แต่ลักษณะทางการเมืองดังกล่าว ได้สะท้อนผ่านนโยบาย ที่ยังมีความคลุมเครือ และเกรงอกเกรงใจ จึงจะต้องรอดูในทางปฏิบัติว่าจะเป็นอย่างไร
นายชัยธวัช ยังรับหนังสือจากนางสุนีย์ ไชยรส คณะทำงานขับเคลื่อนนโยบายสวัสดิการเงินอุดหนุนเด็กเล็กถ้วนหน้า เพื่อให้พรรคก้าวไกล ติดตามนโยบายเด็กเล็ก ในนโยบายของรัฐบาล หลังจากก่อนหน้านี้ได้ยื่นหนังสือถึงพรรคร่วมรัฐบาลไปแล้ว ทั้งเงินสวัสดิการเด็กถ้วนหน้า ตั้งแต่อยู่ในครรภ์ ถึง 6 ปี, การจัดตั้งศูนย์เด็กเล็กให้เพียงพอสำหรับผู้ปกครอง ที่มีภาระงาน โดยควรเพิ่มงบประมาณ และอัตรากำลังแก่ท้องถิ่นให้มีศักยภาพในการดูแลเด็กเล็ก ตั้งแต่ 6 เดือน ถึง 3 ขวบมากขึ้น
นายชัยธวัช ยืนยันว่า พรรคก้าวไกลให้ความสำคัญต่อเรื่องดังกล่าว ซึ่งในร่างแถลงนโยบายรัฐบาลก็ยอมรับว่า ประเทศไทยเข้าสู่ยุคสังคมสูงวัยแล้ว จึงจะต้องหาวิธีไม่ให้คนวัยทำงาน ต้องแบกรับภาระดูแลพ่อแม่ และบุตรมากขึ้น
ดังนั้น จึงจำเป็นที่รัฐบาลจะต้องออกแบบนโยบายลดภาระการมีบุตร เพื่อกระตุ้นให้คนมีบุตรมากขึ้น สามารถรับภาระทางเศรษฐกิจได้ พรรคจึงสนับสนุนสวัสดิการถ้วนหน้ามาโดยตลอด โดยไม่ต้องคัดกรองความจน ทั้งแม่ และเด็กเล็ก และไม่ควรผลักภาระไปให้เฉพาะครอบครัว แต่รัฐบาลควรมีส่วนช่วยเหลือซึ่งกันและกัน โดยพรรคก้าวไกล จะอภิปรายในนโยบายดังกล่าวของรัฐบาล และติดตามการทำหน้าที่รัฐบาลในฐานะฝ่ายค้านเชิงรุกต่อไป
ด้าน น.ส.ศศินันท์ ธรรมนิฐินันท์ สส.กรุงเทพฯ พรรคก้าวไกล ยอมรับว่า รู้สึกผิดหวัง ที่ให้ความสำคัญกับเศรษฐกิจ และหลงลืมกลุ่มเยาวชน และคุณแม่ ที่เป็นแรงขับเคลื่อนเศรษฐกิจในอนาคต และประเทศไทยยังมีอัตราการเกิดพลเมืองใหม่ต่ำ ซึ่งจะส่งผลต่อภาคแรงงานในอนาคตด้วย ดังนั้น การพัฒนาเศรษฐกิจ จึงจะต้องพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ และเด็กควบคู่กันไปด้วย
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
“วันนอร์” เผยกรอบแถลงนโยบายรัฐบาล 11-12 ก.ย. รวม 30 ชม.
“บิ๊กทิน” เชิญ “บิ๊กจิ๋ว” เจิมเก้าอี้กลาโหม “นายพล” ตอบรับร่วมงาน
กกต.เผยคำวินิจฉัย ยัน “พงศธร” คุณสมบัติถูกต้อง
วันแรก! “บิ๊กป๊อด” เร่งปลดล็อกคดีสิ่งแวดล้อมทับซ้อน “ทส.-ตร.”