วันนี้ (12 ก.ย.2566) นายกัณวีร์ สืบแสง สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเป็นธรรม เปิดเผยว่า ได้รับเรื่องด่วนจากประชาชนและเครือข่ายภาคประชาสังคม เกี่ยวกับสถานการณ์ความเดือดร้อนของประชาชนบริเวณชายแดนไทย-เมียนมา ที่เกี่ยวข้องกับการรุกล้ำข้ามแดนเข้ามาในไทย โดยกลุ่มกองกำลังติดอาวุธในเครื่องแบบ จึงตั้งคำถามไปยัง รมว.กลาโหม ว่าทราบเรื่องหรือไม่
นายกัณวีร์ กล่าวว่า ทหารไทยต้องวางตัวเป็นกลาง การปล่อยให้ทหารเมียนมาเข้ามาในดินแดนไทย ส่งผลให้คนไทยและกลุ่มชาติพันธุ์ที่เป็นคู่ขัดแย้งเกิดความหวาดกลัว ซึ่งตนได้รับข้อมูลจากเครือข่ายภาคประชาสังคมที่ทำงานชายแดนไทย-เมียนมา ที่ได้รับร้องเรียนมาจากกลุ่มชาติพันธุ์และคนไทยในพื้นที่บ้านเลตองคุ และมอตะหลั่ว พบเห็นทหารเมียนมาประมาณ 80-100 คน พร้อมอาวุธครบมือ เข้ามาในพื้นที่ช่วงเวลา 13.30 น.วันที่ 4 ก.ย.ที่ผ่านมา โดยได้พักกินข้าวบริเวณทุ่งนา ห่างจากที่พักอาศัยของชาวบ้านไม่ถึง 1 กม.
มีรายงานว่า ทหารกลุ่มนี้ถูกส่งมาเพื่อไปสมทบกับทหารเมียนมาในฐานฝั่งตรงข้ามเปิ่งเคลิ่ง ซึ่งกำลังถูกล้อมโดยทหารกะเหรี่ยง โดยชาวบ้านเลตองคุได้แจ้งต่อผู้ใหญ่บ้าน และผู้ใหญ่บ้านได้แจ้งต่อทางอำเภอในบ่ายวันที่ 3 ก.ย.แล้ว
ขณะนั้นมีทหารไทยที่ประจำอยู่ในหมู่บ้านเลตองคุ แต่ทหารไทยไม่ได้ออกมาทำอะไร เนื่องจากมีจำนวนน้อยและรอคำสั่งนาย ซึ่งทางผู้บังคับบัญชาก็ไม่ได้มีคำสั่งอะไรลงมา จนกระทั่งในวันที่ 5 ก.ย.ตอนเช้า เริ่มพบว่าคนไทยมีการโพสต์โซเชียลมีเดียถึงเรื่องที่เกิดขึ้น และตอนบ่าย กองกำลังนเรศวรเข้าพื้นที่หลังจากทหารเมียนมาค้างในไทยเป็นเวลา 2 คืน
มีรายงานว่า กองกำลังนเรศวรไปเจรจากับทหารเมียนมาให้ออกไป แล้วไปเจรจากับ KNLA (KNU) ให้เปิดทางให้ ซึ่งทาง KNLA ได้ยอมเปิดทางให้เนื่องจากเกรงใจทหารไทย แต่ทหารเมียนมาไม่ยอมออก จึงต้องเจรจาอีกครั้ง จนกระทั่งยอมออกไปเมื่อเวลา 14.00 น. จากนั้นวันที่ 9-10 ก.ย. ทหารเมียนมาบางส่วน ซึ่งเมื่อออกไปก็อยู่ห่างจากชายแดนเพียง 500 เมตร ได้เข้ามาซื้อหาอาหารที่บ้านเลตองคุ โดยการมาซื้อถืออาวุธครบมือมาด้วย และชาวบ้านได้แจ้งต่อผู้ใหญบ้าน
นายกัณวีร์ กล่าวอีกว่า เห็นด้วยกับข้อเสนอของเครือข่ายภาคประชาสังคมและจะนำมาตั้งคำถามถึง รมว.กลาโหม และ รมว.ต่างประเทศเพื่อให้เร่งตรวจสอบและชี้แจง ดังนี้
1. การปล่อยให้เกิดสถานการณ์เช่นนี้ไม่เพียงแต่สร้างความหวาดกลัวให้แก่ประชาชนไทยบริเวณชายแดน ซึ่งทหารไทยใช้เวลาถึง 2 วันหลังรับแจ้งเข้าไปคลี่คลายสถานการณ์ หากเป็นเหตุเกิดกับคนไทยในเมือง จะใช้เวลานานอย่างนี้หรือไม่
2. การคลี่คลายสถานการณ์ด้วยการเจรจากับ KNLA จำเป็นต้องทำ แต่หากทำแบบนี้บ่อย ๆ จะเป็นการแสดงตนไม่เป็นกลางอย่างชัดเจน เนื่องจากเข้าไปเกี่ยวพันกับการสู้รบด้วยการเจรจาให้ฝ่ายหนึ่งเปิดทางให้ฝ่ายหนึ่ง
3. การที่ทหารเข้ามาซื้อของ ปกติแล้วเกิดขึ้นตลอดพรมแดน ไม่ว่าจะทหารฝ่ายใดก็ข้ามมาซื้อของได้ แต่จะต้องไม่ถืออาวุธเข้ามา
4. ทหารไทยอาจอ้างว่า การเจรจาตอนนี้เป็นไปได้ยากเนื่องจากประธานคณะกรรมการชายแดน TBC ฝ่ายเมียนมา คือ พ.ท.อ่องจอมิน เพิ่งเสียชีวิตจากการวางระเบิดที่สถานีตำรวจเมียวดี เมื่อคืนวันที่ 3 ก.ย. (พร้อมผู้ว่าราชการจังหวัดเมียวดี)
นายกัณวีร์ ยังเห็นว่า การที่ละเมิดอธิปไตยโดย “กองทหารจำนวนเกือบร้อย” เป็นประเด็นระดับประเทศ ไม่ใช่ระดับชายแดน พร้อมระบุว่า ประเด็นนี้ผู้ที่จะต้องรับผิดชอบในการแก้ปัญหาคือ กระทรวงกลาโหม และกระทรวงการต่างประเทศ เป็นหลัก จะต้องไม่ใช่เรื่องทหารต่อทหาร แต่เป็นเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ
นายกัณวีร์ กล่าวย้ำ ประเด็นนี้ได้รับการพูดถึงในสื่อภาษาเมียนมาและกะเหรี่ยงจำนวนหนึ่ง สร้างความไม่พอใจในหมู่ชาวเมียนมาและกะเหรี่ยงว่า รัฐไทยวางตัวเข้าข้างกองทัพเมียนมาหรือไม่ หากไม่แก้ไขจะนำไปสู่ความขัดแย้งได้อีก
ไม่เห็นนโยบายรัฐบาลใดๆ พูดถึงเรื่องนี้ น่าเสียดายและต้องตรวจสอบกันให้ลึก เพื่อความปลอดภัยของคนไทยบริเวณชายแดน รวมทั้งการให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมต่อผู้ได้รับผลกระทบจากการริดรอนสิทธิขั้นพื้นฐานของการเป็นมนุษย์
อ่านข่าวอื่นๆ
“พิธา” โชว์วิสัยทัศน์พาไทยยืนอย่างมีศักดิ์ศรีบนเวทีโลก
นายกฯ ให้คำมั่นไม่ปล่อย “อิทธิพล-มาเฟีย” ครอบงำตำรวจ
“จุรินทร์” ซัดรัฐบาลไม่แจงที่มางบฯ “ดิจิทัลวอลเล็ต” เหมือนไปตายเอาดาบหน้า