นายชัยธวัช ตุลาธน สส.ก้าวไกล อภิปรายนโยบายการเมือง ระบุเป็นเรื่องสำคัญที่สามารถสะท้อนรากฐานทางการเมืองและความสัมพันธ์ทางอำนาจของรัฐบาล ซึ่งการแถลงนโยบายของรัฐบาลชุดนี้ มีทั้งเรื่องการรักษาสถาบันฯ รัฐธรรมนูญ ฟื้นฟูหลักนิติธรรม กระจายอำนาจ ปราบผู้มีอิทธิพลและยาเสพติด ผลักดันกฎหมายที่สนับสนุนความเท่าเทียม และการพัฒนากองทัพ
ช่วงหนึ่ง นายชัยธวัช กล่าวถึงตำแหน่ง รมว.กลาโหม ว่า เป็นเรื่องน่ายินดีที่รัฐบาลชุดนี้มี รมว.กลาโหม คนแรกที่เป็นพลเรือนและไม่ใช่นายกรัฐมนตรี สะท้อนว่ากำลังเข้าสู่ยุคที่พลเรือนจะอยู่เหนือกองทัพใช่หรือไม่ หรือแท้จริงแล้ว การส่งพลเรือนมานั่งเป็น รมว.กลาโหม ครั้งนี้จะเป็นการส่งสัญญาณจากรัฐบาลใหม่ว่าจะไม่ยุ่ง ไม่แตะกองทัพ นโยบายการทหาร นโยบายความมั่นคง จะยังอยู่ในมือของกองทัพ รวมถึงเครือข่ายของคณะรัฐประหาร
นายชัยธวัช กล่าวอีกว่า เหตุผลที่ต้องตั้งคำถามเช่นนี้ เพราะก่อนหน้านี้พรรคแกนนำรัฐบาลมีนโยบายปฏิรูปกองทัพ และจากการติดตามดูในเอกสารที่ส่งให้ กกต.มีการระบุไว้ว่า จะปฏิรูปกองทัพเพื่อป้องกันการก้าวก่ายแทรกแซงทางการเมืองและการบริหารราชการแผ่นดิน ให้มีความเป็นทหารอาชีพ เสนอกฎหมายป้องกันและต่อต้านการรัฐประหาร และแก้ไขกฎหมายยกเลิกการเกณฑ์ทหาร โดยให้เข้ารับราชการทหารโดยสมัครใจ
แต่ปรากฏว่า การแถลงนโยบายของรัฐบาล เมื่อวันที่ 11 ก.ย.ที่ผ่านมา ความมุ่งมั่นชัดเจนของแกนนำรัฐบาลได้หายไป จากปฏิรูปกองทัพเพื่อป้องกันการก้าวก่ายแทรกแซงทางการเมืองและการบริหารราชการแผ่นดิน เปลี่ยนเป็นร่วมกันพัฒนากองทัพเพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีของประชาชน
ส่วนที่จะเสนอกฎหมายป้องกันและต่อต้านการรัฐประหาร ก็หายไป ไม่แม้แต่จะพูดถึงคำว่ารัฐประหารในการแถลงนโยบายของรัฐบาลพลเรือนครั้งแรก หลังการรัฐประหารปี 2557 ทั้งที่เรื่องนี้เป็นปัญหาสำคัญของการเมืองไทย นอกจากนี้ที่เคยระบุว่าจะแก้ไขกฎหมายยกเลิกการเกณฑ์ทหาร โดยให้เข้ารับราชการทหารโดยสมัครใจ เมื่อได้ฟังและอ่านคำแถลงนโยบายแล้วพบว่ามีความคลุมเครือและไม่ชัดเจน
นายชัยธวัช ยังระบุว่า ก่อนหน้านี้นายสุทิน คลังแสง รมว.กลาโหม คนใหม่ได้ให้สัมภาษณ์ระบุว่าจะค่อยๆ ลดสัดส่วนการบังคับเกณฑ์ทหาร และเพิ่มสัดส่วนคนที่สมัครใจเป็นทหารเกณฑ์ แต่ในคำแถลงนโยบายระบุว่า จะเปลี่ยนรูปแบบการเกณฑ์ทหารเป็นแบบสมัครใจ และจะปรับปรุงการฝึกนักศึกษาวิชาทหารให้เป็นแบบสร้างสรรค์ จึงอยากให้ รมว.กลาโหม รวมถึงนายกฯ ชี้แจงประเด็นนี้ พร้อมย้ำว่าการยกเลิกบังคับเกณฑ์ทหาร ไม่ใช่การลด จะเป็นจุดเริ่มต้นสำคัญในการปฏิรูปกองทัพและนำไปสู่การปฏิรูปกำลังพลทั้งระบบ
การเลิกกับการลดเกณฑ์ทหารต่างกัน ถ้านโยบายรัฐบาลคือลดการเกณฑ์ทหารเท่านั้น ก็สงสัยว่านโยบายนี้จะมีอะไรใหม่ เพราะต่อให้ไม่มีรัฐบาลชุดใหม่ กองทัพก็ดำเนินการอยู่แล้ว
นายชัยธวัช กล่าวทิ้งท้ายว่า หลังจากฟังการแถลงนโยบายกองทัพและการเมืองของรัฐบาลชุดนี้แล้ว อยากสรุปว่านี่ไม่ใช่นโยบายการพัฒนากองทัพร่วมกัน หรือไม่แม้แต่จะปฏิรูปกองทัพ แต่คือนโยบายเขตทหารห้ามเข้า ซึ่งหมายความว่านโยบายเกี่ยวกับกองทัพของรัฐบาลชุดนี้ส่งสัญญาณว่าการปฏิรูปโดยรัฐบาลพลเรือนจะไม่เกิดขึ้น นอกจากสิ่งที่กองทัพออกแบบมาและอนุญาตให้ทำ
พร้อมระบุว่า รัฐบาลเศรษฐา 1 กลายเป็นส่วนต่อขยายของระบอบประยุทธ์ เพื่อพยายายามหยุดยั้งการเปลี่ยนผ่าน เหนี่ยวรั้งสังคมไทยให้อยู่กับระบบการเมืองแบบเดิม โครงสร้างเศรษฐกิจและสังคมแบบเก่า และวัฒนธรรมแบบจารีตต่อไป นโยบายของรัฐบาลเป็นการสามัคคีปรองดองกันระหว่างชนชั้นนำทางการเมือง ชนชั้นนำทางเศรษฐกิจและชนชั้นนำทางจารีต เพื่อรักษาระบบเดิมไว้
คือระบบที่อำนาจสูงสุดไม่ใช่ของประชาชน ทหารมีอำนาจเหนือสังคม รัฐราชการรวมศูนย์ กฎหมายเป็นเครื่องมือของผู้มีอำนาจ ความมั่นคงอยู่เหนือพลเรือน ทุนใหญ่มีอำนาจเหนือระบบเศรษฐกิจ
อ่านข่าวอื่นๆ
ประท้วงวุ่น! ก้าวไกล-เพื่อไทยปมนายกฯ ส้มหล่น
สส.ก้าวไกลชง 5 ข้อโมเดลแก้ไฟป่า-ฝุ่นควันทั้งโครงสร้าง
“ชวน” กรีดรัฐบาลไร้แผนดูแลใต้ ห่วงนักธุรกิจทำการเมือง
รัฐบาลลุยพักหนี้เกษตรกร ชง ครม. พรุ่งนี้ ตั้งเป้าทำให้ได้ไตรมาส 4