นายกฯ ลุกขอบคุณปิดท้ายแถลงนโยบายรัฐบาลต่อรัฐสภา พร้อมน้อมรับทุกคำติชม คำดูถูก ยอมรับตัวเองยังมือใหม่แต่มีความตั้งใจ พร้อมรับฟังทุกเสียงในรรัฐสภามาจัดปรับปรุงนโยบาย ย้ำให้ความสำคัญการจัดทำงบฯไม่ให้กระทบหนี้สาธารณะ ยืนยันตลอด 4 ปีทำงานหนักแน่ มีแผนปฏิบัติการทุกรายละเอียดมาเสนอให้คุ้มภาษีประชาชน ด้วยการพิสูจน์จากการเติบโตของ ศก.
เมื่อเวลา 00.25 วันที่ 13 ก.ย. 2566 ที่รัฐสภา ในการประชุมร่วมกันของรัฐสภา ครั้งที่ 6 เป็นพิเศษ เพื่อพิจารณาเรื่องด่วน คณะรัฐมนตรีแถลงนโยบายต่อรัฐสภา ตามมาตรา 162 ของรัฐธรรมนูญ เป็นวันที่ 2 ซึ่งเป็นวันสุดท้ายได้ดำเนินการประชุมมาจนถึงช่วงท้าย โดย เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และ รมว.การคลัง ชี้แจงปิดท้ายโดยขอบคุณทุกความเห็น ทุกคำติชม ทุกคำดูถูกตลอด 2 วันที่ผ่านมานี้ ตนเรียนว่าประเทศเราประสบปัญหายาวนาน ที่บอกว่า ยุคนายกฯคนนั้นคนนี้ดีกว่านายกฯ เศรษฐา แต่ยุคตนเพิ่งเริ่มเมื่่อแถลงนโยบายจบเมื่อวันที่ 11 ก.ย. ตนยังมือใหม่ แต่ยังมีความตั้งใจจริง ทะเยอทะยาน พร้อมรับฟังทุกคำติชม ทุกท่านที่อยู่ที่นี้ ล้วนเป็นตัวแทนให้ความไว้วางใจสูงสุดเข้ามานั่งในสภาฯ แบกความหวังช่วยกันขับเคลื่อนประเทศ อะไรที่คิดว่าดีต่อประชาชนก็ช่วยเสนอมา
นายกรัฐนตรี กล่าวว่า ตลอด 2 วันการอภิปรายตนได้้รับฟังฝ่ายค้านและรัฐบาลมาตลอดหลายอย่างเป็นประโยชน์ต่อการทำนโยบายปรับปรุงแต่งเติมนโยบายในอนาคต หลายอย่างรัฐบาลจะนำไปพิจารณา ตนมีเรื่องจะขอชี้แจงต่อรัฐสภา วาระการประชุม 2 วันคือการแถลงนโยบายคือการกล่าวถึงนโยบายของรัฐบาล และคาดหวังผลลัพธ์บริหารประเทศ ภายใต้รัฐบาลนี้ นโยบายทั้งหมดถูกรวบรวมจากพรรคร่วมทั้งหมดตลอดก่อนวันที่ 14 พ.ค. 2566 ทุกพรรคต่างมีความตั้งใจ มีความจริงใจจะร่วมบริหารฝ่าวิกฤตประเทศ แก้ปัญหาเร่งด่วนที่มีอยู่มากมาย เพื่อนำประเทศของเราเดินไปข้างหน้า
“หลายท่านได้ให้ความเห็น อยากให้มีรายละเอียดเพิ่มเติมในการแถลงนโยบาย ลงลึกมากขึ้นพร้อมตัวเลขชี้วัดอื่นๆ ระยะเวลาไทม์ไลน์ทั้งหลาย ไม่ต้องห่วงครับ มีแน่นอน รัฐบาลจะจัดทำรายละเอียดต่างๆ ให้ครบถ้วน มีที่มางบประมาณ ตัวชี้วัด ไทม์ไลน์ บรรจุไว้ในแผนปฏิบัติการของแต่ละกระทรวง พร้อมกับผู้รับผิดชอบที่ชัดเจน ที่สำคัญเรื่องของงบประมาณ รัฐบาลก็ทราบดีให้ความสำคัญการบริหารงานถึงงบประมาณทุกนโยบาย ไม่ให้กระทบสัดส่วนหนี้สินสาธารณะที่ถึง 63% สูงขึ้นไปอีกโดยไม่มีเหตุอันควร”
เศรษฐากล่าวว่า ตนและ ครม.เพิ่งเข้ามาทำหน้าที่ใหม่ ทั้งนี้ ต้องขอเวลา เดี๋ยวมีแผนมาให้ดูแน่นอน ขอให้ 4 ปีต่อจากนี้ไป เป็น 4 ปีของพวกเราทำงานหนัก ที่ทุกท่านทำงานอย่างเต็มที่ คุ้มเงินภาษีและความไว้วางใจของพี่น้องประชาชนที่ได้มอบให้ เป้าหมายความสำเร็จของนโยบายที่แถลงจะถูกพิสูจน์ด้วยความเจริญเติบโตของประเทศความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นของประชาชน ทั้งเศรษฐกิจ ความเหลื่อมล้ำ ความมั่นคง การศึกษา สิทธิเสรีภาพการบังคับใช้กฎหมายและอีกหลายประการ ตนขอเชิญชวนให้ทุกท่านในรัฐสภาอันทรงเกียรตินี้ รว่มประชาชนทุกคนติดตามการทำงานเพื่อประโยชน์สูงสุดของประชานที่มอบหมายให้พวกเรา
ทันทีที่นายกรัฐมนตรีกล่าวเสร็จสิ้น ทำให้ รังสิมันต์ โรม สส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ได้ประท้วงว่านายกฯ ที่ไม่ตอบคำถามของพวกตน และเลือกเดินหนีเหมือน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อดีตนายกรัฐมนตรี
จากนั้นวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา ทำหน้าที่ประธานการประชุมได้ตัดบทการประท้วง พร้อมกล่าวขอบคุณทุกฝ่ายให้การแถลงนโยบายต่อรัฐสภาเสร็จสิ้นด้วยดี จากนั้นได้ปิดการประชุมในเวลา 00.32 น. วันที่ 13 ก.ย. 2566
นายกฯ ไม่กังวล ม็อบรอประชุมครม.นัดแรก ให้คำมั่นสัญญาดูแลประชาชนอย่างลืมเหน็ดเหนื่อย และสุจริต
เวลา 00.40 น. เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ให้สัมภาษณ์หลังการแถลงนโยบายต่อรัฐสภา ถึงภาพรวมการแถลงนโยบายว่า บรรยากาศทั้งรัฐสภาก็เป็นไปได้ด้วยดี ไม่เห็นมีอะไร และก็ได้รับข้อแนะนำหลายอย่าง ซึ่งตนได้พูดในสิ่งที่พูดและอยากจะพูด แถลงในสิ่งที่อยากจะทำ และคิดว่าสิ่งที่พูดและทำไปจะเป็นประโยชน์กับพี่น้องประชาชน
ส่วนที่การประชุมคณะรัฐมนตรีในวันท่ฝี่ 13 ก.ย.นี้จะมีกลุ่มผู้ชุมนุมด้วย มองว่าจะเป็นอุปสรรคหรือไม่ ตนยังไม่ทราบ มั่นใจว่าคงพูดคุยกันรู้เรื่อง เราก็รับฟัง เพราะเรามาจากประชาชน หากท่านเดือดร้อนเราก็รับฟังกัน เจ้าหน้าที่ก็บริหารจัดการด้วยความปลอดภัยดี
ส่วนยกแรกมองว่าสอบผ่านหรือไม่นั้น เศรษฐา กล่าวว่า ตนว่ายังไม่ได้เริ่มเรียนเลย ยังไม่ได้สอบหรอก พร้อมยืนยันว่าการประชุม ครม.จะมีการบรรจุญัตติร่างรัฐธรรมนูญฉบับแรก ตามรายละเอียด ที่ภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ อภิปราย
ถามว่า อยากทิ้งท้ายอะไรบอกกับประชาชนคนไทยในค่ำคืนนี้หรือไม่ นายเศรษฐา ยอมรับว่าเป็นห่วงประเทศ เพราะทราบว่ามีปัญหาเยอะ จึงเป็นภาระของรัฐบาลเรา ที่มาโดยประชาชน ฉะนั้นขอให้คำมั่นสัญญาว่าจะตั้งใจดูแลพี่น้องประชาชน ทำงานอย่างลืมความเหน็ดเหนื่อย และปฏิบัติตามกฎข้อบังคับด้วยความสุจริต มีความมุ่งมั่น รักษาไว้ซึ่งสถาบันพระมหากษัตริย์ รวมถึงคำนึงถึงปากท้อง สิทธิมนุษยชน และความไม่เสมอภาคเท่าเทียม เราและคณะรัฐมนตรีชุดนี้ตระหนักดีถึงปัญหาที่เผชิญอยู่ ทั้งสังคมและเศรษฐกิจ
จากนั้น ก่อนที่นายกรัฐมนตรี จะขึ้นรถได้พบกับ อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย พร้อมระบุว่า “แฮปปี้เบิร์ดเดย์นะครับ”