รมว.พลังงาน ยืนยันการเดินหน้าลดค่าไฟฟ้า-น้ำมันเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนประชาชน เผย นายกฯสั่งหน่วยงานต่างทำงานร่วมกัน ยันไม่ได้ทำเพียงแค่นี้ยังมีการหาสูตรอื่น ๆ เพื่อแก้ไขปัญหาในระยะยาวต่อไป
พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พลังงาน ให้สัมภาษณ์ ภายหลังเข้าทำงานวันแรก ว่า วันนี้ ครม.มีมติเห็นชอบมาตรการลดค่าครองชีพให้กับประชาชน 2 มาตรการ จนถึงสิ้นปี 2566 ได้แก่ ลดการจัดเก็บภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซล 2.50 บาทต่อลิตร โดยจะมีผลภายหลังประกาศในราชกิจจานุเบกษา และปรับลดค่าไฟฟ้าเหลือ 4.10 บาทต่อหน่วย ซึ่งจะเริ่มลดราคาค่าไฟฟ้าได้ตั้งแต่วันที่ 20 กันยายน 2566 เป็นต้นไป
ทั้งนี้ อยู่ในกรอบเวลาทันบิลค่าไฟฟ้างวดใหม่ (ก.ย.-ธ.ค.66) โดยในส่วนของน้ำเบนซินจะมีการพิจารณาเพิ่มเติมให้ความช่วยเหลือกลุ่มที่จำเป็นต้องใช้น้ำมันเบนซินในการทำมาหากิน เช่น กลุ่มแท็กซี่ จักรยานยนต์รับจ้าง โดยขณะนี้กระทรวงพาณิชย์ และ กระทรวงพลังงานไปร่วมกันหาแนวทางควบคุมค่าการตลาด ซึ่งปัจจุบันแม้ว่าจะกำหนดอยู่ที่ 2 บาท แต่จากที่ได้รับรายงานพบว่า ยังมีการคิดค่าการตลาดมากกว่าที่กำหนด หากสามารถควบคุมได้ก็จะทำให้ราคาเบนซินลดลงมา ตอนนี้นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง ได้สั่งการให้หน่วยงานต่างๆ เข้าไปดูแลและทำงานร่วมกัน อย่างไรก็ตามจะไม่ได้ทำเพียงแค่นี้แต่จะยังมีการหาสูตรอื่น ๆ เพื่อแก้ไขปัญหาในระยะยาวต่อไป
พีระพันธุ์ กล่าวต่อว่า สำหรับค่าไฟฟ้าที่มีมติให้ลดราคาลงเหลือหน่วยละ 4.10 บาท หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะต้องไปดำเนินการทันที โดยทั้งหมดเป็นมาตรการเร่งด่วนที่จะต้องทำทันที เพื่อช่วยลดค่าครองชีพให้กับประชาชน
ผู้สื่อข่าวถามว่า จะสามารถยันราคาไฟฟ้าไว้จนถึงปีหน้าได้หรือไม่ พีระพันธุ์ กล่าวว่า จากการคาดการณ์พบว่าปีหน้าความต้องการใช้ก๊าซจะลดน้อยลง ราคาก็จะถูกลงด้วย แต่สำหรับวันนี้จนถึงสิ้นปีราคาก๊าซซึ่งเป็นต้นทุนการผลิตไฟฟ้าไม่ขยับสูงขึ้น ก็เชื่อว่าจะยังตรึงราคานี้ไว้ได้จนถึงสิ้นปี เช่นเดียวกับราคาของน้ำมันดีเซล
พีระพันธุ์ กล่าวต่อว่า ในการประชุม ครม.วันนี้นายกรัฐมนตรี ไม่ได้กำชับเรื่องใดเป็นพิเศษ เพียงแต่ขอให้เคร่งครัดในการดูแลประชาชน อย่าให้กฎกติกาอะไรมาเป็นอุปสรรคต่อการทำมาหากินของประชาชน นอกจากนี้ ก็ขอให้พิจารณาเรื่องการปรับรูปแบบการจ่ายเงินเดือนข้าราชการที่ขอให้ดูว่า สามารถจะจ่ายเป็น 2 รอบ ได้หรือไม่ เพื่อจะให้ข้าราชการสามารถมีเงินไปใช้ไม่ต้องรอถึง 30 วัน
สำหรับ นโยบายเรื่องการนำเข้านำมันเสรี พีระพันธุ์ กล่าวว่า เวลานี้อาจจะมีคนเข้าใจผิดไปมาก มีคนบอกว่าตอนนี้มีการนำเข้าน้ำมันเสรีอยู่แล้ว แต่สิ่งที่ตนพูดคือ การที่จะเปิดโอกาสให้กลุ่มที่อาจจะไม่ได้นำเข้าน้ำมันมาขาย ได้นำมาใช้ประกอบกิจการอย่างอื่น เช่น กลุ่มสมาคมแท็กซี่ หรือสมาคมขนส่งต่าง ๆ หากสามารถรวมตัวกันนำเข้าน้ำมันมาเองได้ก็จะสามารถลดต้นทุนลงได้ จะเป็นประโยชน์เพราะน้ำมันเป็นเรื่องจำเป็นของชีวิตถ้าหากสามารถลดต้นทุนลงได้ ก็จะทำให้ราคาสินค้าลดลงได้เช่นกัน
นอกจากนี้ ในส่วนของพลังงานสีเขียวหรือพลังงานสะอาด ก็จะยังคงเดินหน้าต่อไป เพราะเป็นแนวโน้มของโลก ซึ่งจะมีผลต่อเรื่องอื่น ๆ ด้วยเช่น การส่งออกสินค้าไปต่างประเทศ ถ้าไม่ทำก็จะเกิดปัญหา สำหรับการเจรจาเรื่องพื้นที่ทับซ้อน ตอนนี้ได้มีการเดินหน้าพูดคุยกันแล้ว ซึ่งผู้บริหารหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ดำเนินการ และรัฐบาลก็จะได้เดินหน้าเรื่องนี้ต่อไป