“ชาเบิกเนตร” เมนูใหม่ แห่งร้านกาแฟประจำพรรคก้าวไกล เป็นชาสำหรับคนตื่นรู้ ที่ได้ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล เป็นพรีเซนเตอร์ ไปเมื่อวานนี้
ล่าสุดเช้าวันนี้ (15 ก.ย.) นายพิธา ได้โพสต์เฟซบุ๊ก Pita Limjaroenrat – พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ประกาศลาออกจากหัวหน้าพรรคก้าวไกล เพื่อเปิดทางให้พรรคเลือก สส.ที่สามารถทำหน้าที่ผู้นำฝ่ายค้าน ในสภาฯ ขึ้นมาดำรงตำแหน่งหัวหน้าพรรคแทน ซึ่งต้องจับตาว่าใครจะขึ้นทำหน้าที่หัวหน้าพรรคแทน
หลังจากก่อนหน้านี้ศาลรัฐธรรมนูญ รับคำร้องคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กรณีนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ผู้ถือหุ้นในบริษัท ไอทีวี จำกัด (มหาชน) พร้อมมีมติ 7ต่อ 2 สั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ สส.จนกว่าจะมีคำวินิจฉัย ไปเมื่อวันที่ 19 ก.ค.ที่ผ่านมา
อ่านข่าว : “พิธา” ลั่นเดินหน้าเขย่าการเมืองไทย-แค่ถอดหัวโขนหัวหน้าพรรค
ก่อนเปิดใจในช่วงบ่ายถึงสาเหตุการลาออก โดยนายพิธาให้เหตุผลว่า เห็นส่วนรวม มากกว่าส่วนตัว เป็นสำนึกของนักการเมืองส่วนรวม ในบริบทของนักการเมือง ฝ่ายค้านต้องทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ไม่ต้องห่วงผม ห่วงการเมืองประเทศชาติกว่า ไม่ได้ยึดติดกับหัวโขน และตำแหน่ง ทำงานได้โดยไม่มีตำแหน่ง แต่ยังเป็น สส.ที่เข้าสภาไม่ได้ เป็น สส.ที่ถูกหยุดปฏิบัติหน้าที่
แม้จะไม่ได้ดำรงตำแหน่งหัวหน้าพรรค แต่ยังทำงานในฐานะสมาชิกพรรคก้าวไกล แม้จะไปทำงานในฐานะผู้นำฝ่ายค้านไม่ได้ แต่ยังจิตใจเกิน 100% โดยพร้อมยังเดินหน้าทำงานระหว่างรอคำสั่งศาลรัฐธรรมนูญ พร้อมย้ำว่า จะเจอกันมากกว่าเดิม จะเดินหน้าเขย่าการเมืองไทย และเขย่าปัญหาที่พี่น้องประชาชนผ่านตะแกรงร่อน ส่งต่อไปทางฝ่ายค้าน
สำหรับหัวหน้าพรรคคนใหม่ ทุกสายตาจับต้องไปที่ “ไหม” น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล ซึ่งนายพิธา ทิ้งท้ายว่า ทุกคนมีโอกาสทั้งหมด เชื่อว่ามี 4-5 คน ขึ้นอยู่ว่าจะเลือกคุณสมบัติบู๊ หรือบุ๋น ซึ่งต้องรอการประชุมกรรมการบริหารพรรคในวันที่ 23 ก.ย.นี้
อ่านข่าว : “ปดิพัทธ์” ยังไม่ออกรองปธ.สภาฯ รอมติก้าวไกลปมผู้นำฝ่ายค้าน
ขณะที่ การลาออกของนายพิธา จะส่งผลต่อเก้าอี้รองประธานสภาคนที่ 1 หรือไม่นั้น นายปดิพัทธ์ สันติภาดา กล่าวว่า ต้องคุยกับ กก.บห.ชุดใหม่เท่านั้นว่าแนวทางต่างๆ จะเป็นเช่นไร สำหรับความเป็นไปได้หรือไม่ที่พรรคก้าวไกลจะมีการขับนายปดิพัทธ์ออกจากพรรคแล้วไปสังกัดพรรค เพื่อให้พรรคก้าวไกลได้ตำแหน่งผู้นำฝ่ายค้าน นายปดิพัทธ์ เรียกสิ่งนั้นว่าข้อจำกัดทางรัฐธรรมนูญ
ขณะที่ฝั่งรัฐบาลก็เรียกแขกตั้งแต่ประชุม ครม.นัดแรก หลังมีนโยบายที่ออกมาทั้งโดนใจและโดนเสียงวิพากษ์วิจารณ์ เรื่องจ่ายเงินเดือนข้าราชการ 2 รอบต่อเดือนยังไม่มีความชัดเจนเท่าไหร่ ทัวร์ก็มาลงกันต่อที่กระทรวงศึกษาธิการ หลังจาก พล.ต.อ.เพิ่มพูน ชิดชอบ รมว. ได้มอบนโยบายไปเมื่อวันที่ 14 ก.ย.ที่ผ่านมา
นโยบายแก้หนี้สินครูก็เรียกเสียฮือฮาได้ไม่น้อยจากการยึดตำรวจ คือ “ไม่เบี้ยว ไม่หนี ไม่มี ไม่จ่าย ไม่ตาย” ซึ่งในกระบวนการแก้ไขปัญหา ต้องศึกษาปัญหาต่างๆ เช่น ค่าใช้จ่ายเวลาไปสอน อาจจะรวมรถกันไป นั่งรถไปด้วยกัน และอยู่ด้วยความพอเพียง ผมเข้าใจว่าครูอาจจะมีหน้ามีตา เช่น ครูไปงานแต่งงาน ต้องใส่ซองหลักร้อยบาท แต่ตำรวจโชคดีหน่อยใส่ 20 บาท ก็ได้ไม่เป็นไร จึงต้องพยายามแก้ไขค่านิยมเรื่องนี้ ขึ้นอยู่กับพอเพียง มี 20 บาท ก็ใส่ 20 บาท ไม่มีเงินก็ไม่เป็นไร ไปงานก็ไปช่วยเขา ไปช่วยล้างจาน ก็มีเกียรติแล้ว ต้องเปลี่ยนค่านิยมพวกเรา ในการอยู่อย่างพอเพียง
ส่วนอีกนโยบายที่เหมือนจะเป็นการปัดฝุ่นคืนชีพขึ้นใหม่ อย่างการแจกแท็บเล็ตให้ครู และนักเรียน ตามโครงการ 1 ครู 1 แท็บเล็ต และ 1 นักเรียน 1 แท็บเล็ต ก็ถูกพูดถึงไม่น้อย
ซึ่งนโยบายนี้เคยดำเนินการมาแล้วในสมัยรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ปี 2555 ซึ่งนับเป็นเมกะโปรเจกต์หนึ่ง ซึ่งมีการแจกแท็บเล็ตให้นักเรียนชั้น ป.1 ใช้งบประมาณไปกว่า 2,000 กว่าล้านบาท ส่วนในปีงบประมาณ 2556 แจกแท็บเล็ตให้นักเรียนชั้น ม.1 เพิ่มเติม ใช้งบไปอีกกว่า 3,000 ล้านบาท แต่ยังเดินหน้าต่อโดยปีงบประมาณ 2557 ตั้งงบไว้อีก 5,800 ล้านบาท สุดท้าย คณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช.ได้สั่งให้ยุติโครงการไปอย่างถาวร เพราะมองว่าไม่คุ้มค่าและประสบปัญหา ส่วนนโยบายนี้จะฟื้นคืนชีพสำเร็จหรือไม่ ต้องรอดูกันต่อไป
ข่าวที่เกี่ยวข้อง :
ด่วน! “พิธา” ลาออกหน.พรรคก้าวไกล เปิดทางผู้นำฝ่ายค้าน
3 ปี 185 วัน “พิธา” ส่งไม้ต่อ หน.ก้าวไกล ไขก๊อก “ผู้นำฝ่ายค้าน”
รมว.ศธ.แนะครูยึดพอเพียงแก้หนี้ นั่งรถรวมกัน-ไปงานไม่มีเงินใส่ซองก็ช่วยล้างจาน