วันนี้ (15 ก.ย.2566) นายปดิพัทธ์ สันติภาดา รองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่ 1 ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ประกาศลาออกจากหัวหน้าพรรคก้าวไกล (ก.ก.) เพื่อเปิดทางให้มีบุคคลเข้ามาเป็นผู้นำฝ่ายค้าน ซึ่งจะมีผลต่อตำแหน่งรองประธานสภาฯ ว่า สิ่งที่ชัดเจนหลังจากหัวหน้าพรรคลาออก คือคณะกรรมการบริหารพรรค (กก.บห.) ทั้งชุดต้องสิ้นสภาพไปด้วย ฉะนั้น เราจะคุยกับ กก.บห.ชุดใหม่เท่านั้นว่าแนวทางต่างๆ จะเป็นเช่นไร ซึ่งหลังจากที่มีการประชุมใหญ่วิสามัญเพื่อเลือก กก.บห.ชุดใหม่ก็จะมีการพูดคุยกันอีกครั้ง
อ่านข่าว : “พิธา” ลั่นเดินหน้าเขย่าการเมืองไทย-แค่ถอดหัวโขนหัวหน้าพรรค
เมื่อถามว่า มีความเป็นไปได้หรือไม่ที่ พรรคก้าวไกลจะมีการขับนายปดิพัทธ์ออกจากพรรคแล้วไปสังกัดพรรค เพื่อให้พรรค ก้าวไกลได้ตำแหน่งผู้นำฝ่ายค้าน โดยที่นายปดิพัทธ์ยังดำรงตำแหน่งรองประธานสภาฯ คนที่ 1 อยู่ นายปดิพัทธ์ กล่าวว่า เราเรียกสิ่งนั้นว่าข้อจำกัดทางรัฐธรรมนูญ ไม่มีประเทศไหนมีทริคเช่นนี้ เช่นตนได้รับการโปรดเกล้าฯ มา ซึ่งไม่ควรที่จะได้รับข้อจำกัดเช่นนี้มาบีบให้เราต้องทำอะไรที่ไม่ตรงไปตรงมา แต่เมื่อข้อจำกัดเป็นเช่นนี้ แล้วทางพรรคเห็นสมควรเช่นไรก็เป็นเรื่องของพรรค แต่ตนก็จะทำงานของตนให้เต็มที่
ก็ยังไม่รู้มตินะ ขอผมดูมติก่อน ซึ่งขอยืนยันว่าสิ่งที่พรรคก้าวไกลตัดสินใจ ไม่ใช่ว่าจะเป็นประโยชน์กับพรรคเท่านั้น แต่เราคิดถึงประโยชน์ของประเทศชาติ และการที่เราได้เสียงข้างมากในสภาฯ ด้วย ฉะนั้น ผมคิดว่าให้นำปัจจัยต่างๆ พวกนี้มาคิดรวมกัน แล้วมุ่งหน้าทำงานให้เต็มที่
เมื่อถามย้ำว่า ในการตัดสินใจอะไรก็ตามเป็นเพราะข้อจำกัดของรัฐธรรมนูญใช่หรือไม่ นายปดิพัทธ์ กล่าวว่า “ใช่ครับ เดี๋ยวทุกอย่างว่ากันหลังจากที่มี กก.บห.ชุดใหม่”
ข่าวที่เกี่ยวข้อง :