บินลัดฟ้า ไปประชุมยูเอ็น ครั้งแรก “เศรษฐา ทวีสิน” นายกรัฐมนตรี ขนคณะ 50 ชีวิตตามไปนิวยอร์กด้วย แต่ไม่ได้มีการเปิดรายชื่อว่าผู้เข้าร่วมทริปนี้มีใครบ้าง ท่ามกลางข้อกังขาจาก สมชัย ศรีสุทธิยากร ผอ. ศูนย์วิจัยการเมืองและการพัฒนา มหาวิทยาลัยรังสิต ที่โพสต์ตั้งข้อสังเกตว่ามีนักธุรกิจร่วมเดินทางด้วย โดยใช้งบประมาณของรัฐด้วยใช่หรือไม่
ขณะที่มีเอกสารการเดินทางระบุชื่อ พักตร์พิไล ทวีสิน ภรรยานายกฯ ซึ่งไม่แปลกเพราะเป็นคู่สมรส แต่ยังมีชื่อ ชนัญญดา ทวีสิน ลูกสาวนายกฯ ทำให้สังคมเกิดคำ ถามว่า สามารถร่วมคณะได้หรือไม่ เพราะใช้งบหลวง
แม้ ชัย วัชรงค์ โฆษกรัฐบาลจะออกมาชี้แจงเพียงว่า นายกฯ มีวิสัยทัศน์ทางธุรกิจ ไม่เหมือนนายสมชัย ที่ไม่มีวิสัยทัศน์ทางธุรกิจ
จนทำให้สมชัย ออกมาตอบโต้ผ่านเฟซบุ๊กว่า โฆษกรัฐบาล มีไว้เพื่อชี้แจงทำความเข้าใจชาวบ้าน ไม่ได้มีไว้เพื่อย้อนหรือแซะ…รอฟังคำตอบหลังนายกฯ กลับมาว่า จะชี้แจงเรื่องนี้อย่างไร
กลับมาที่รัฐสภา “สัปปายะสถาน” ยังแบ่งโควต้าเก้าอี้ประธานกรรมาธิการไม่ลงตัว ทำให้ “พิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน” รองประธานสภาฯ คนที่ 2 เล็งว่า ในวันที่ 21 ก.ย.นี้ ต้องนัดตัวแทนพรรคการเมืองเพื่อพิจารณาโควตาประธานกรรมาธิการ (กมธ.) สามัญ 34 คณะ เป็นรอบที่ 3 หลังเปิดเวลาให้พรรคการเมืองต่างๆ เจรจาแก้ปัญหาการจัดสรรโควตาประธาน กมธ. ที่มีความต้องการซ้ำกัน
หากยังหาข้อยุติไม่ได้ พิเชษฐ์ บอกว่า คงจะเสนอวิธีให้จับสลาก และเตรียมกล่องไว้ 2 ใบ เพื่อให้มีการมีหมายเลข 1-8 ตามจำนวนพรรคที่มีสิทธิได้โควตาประธาน กมธ. เพื่อให้จับลำดับการจับสลากในกล่องที่สอง ซึ่งบรรจุหมายเลข 1-35 พร้อมกับชื่อกรรมาธิการ
ในกรณีที่พรรคใดจัดลำดับได้ก่อน จะให้จัดตามสัดส่วนโควตาประธาน กมธ. หากพรรคไหนได้ 10 คณะ ได้ลำดับแรก จะให้จัดให้ครบ 10 คณะ และหากพรรคการเมืองต่างๆ เจรจากันได้วิธีที่เตรียม ไว้จะไม่ถูกนำมาใช้ ..เอ้า ..เตรียมลุ้นกันอีกครั้ง
ลงไปพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ หลังจาก ครม. มีมติเห็นชอบให้ขยายการบังคับใช้ พระราชกำหนดบริหารสถานการณ์ฉุกเฉินฯ ออกไปอีก 1 เดือน โดยมอบ หมายให้ สมศักดิ์ เทพสุทิน รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานคณะกรรมการบริหารสถานการณ์ฉุกเฉิน (กบฉ.) จัดแนวทางการดำเนินงานให้เร็วและรัดกุมยิ่งขึ้น
นอกจากเป็นประธาน กบฉ.แล้ว “สมศักดิ์” ยังเข้าไปกำกับดูแลงานศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) อีกด้วย แม้จะไม่ดูแลโดยตรงเพราะอยู่ในอำนาจหน้าที่ของสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) แต่ทราบว่าการต่ออายุ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เพื่อดูแลพื้นที่ ที่ไม่ราบรื่น และอยู่ในการดูแลของ เรื่องความมั่นคง ซึ่งปัจจุบันเหลืออยู่ 22 พื้นที่
ส่วนจะมีการประกาศยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน หรือไม่นั้น ยังไม่มีคำตอบจากรัฐบาล
ขณะที่ มท.1 อนุทิน ชาญวีรกูล ในฐานะรองนายกรัฐมนตรี ควง 3 รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคลองหลอด “ทรงศักดิ์ ทองศรี” – “ชาดา ไทยเศรษฐ์” – “เกรียง กัลป์ตินันท์” และ “สุทธิพงษ์ จุลเจริญ” ปลัดกระทรวงมหาดไทย ประกาศ นโยบาย 10 ข้อ โดย 2 หัวข้อหลัก คือ ปกป้องสถาบัน และปราบมาเฟีย ส่วนที่เหลือ คือ มีน้ำดื่มสะอาดฟรี ลดค่าใช้จ่ายให้ประชาชน ,ค่าใช้จ่ายพลังงานไฟฟ้าและน้ำมันของทุกส่วนราชการ ใช้พลังงานทางเลือก
ส่งเสริมใช้พลังงานสะอาด มุ่งเน้นการใช้พลังงานสะอาด ,บริการประชาชนแบบ One Stop Service มุ่งหน้าสู่ระบบรัฐบาลดิจิทัล ,อำนวยความสะดวกและดูแลความปลอดภัยนักท่องเที่ยว พัฒนาแหล่งท่องเที่ยว ,ส่งเสริมเศรษฐกิจฐานราก การผลิต การตลาด และการจำหน่าย OTOP
ใช้พลังสร้างสรรค์ Soft Power,แก้ไขปัญหายาเสพติด และสนับสนุนการพัฒนาระบบสาธารณสุขปฐมภูมิ และการเตรียมความพร้อมท้องถิ่นรองรับสังคมผู้สูงอายุ
ขณะที่ “แด๊ก” ธนกร วังบุญคงชนะ สส.บัญชีรายชื่อและรองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ไม่ยอมน้อยหน้า บอก “รัฐบาลของประชาชน” เดินหน้าทำงานเต็มที่บอกและเสียงสะท้อนหนาหูว่า คนไทยปลื้มมาก หลัง “พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค” รมว.พลังงาน ประกาศลดค่าไฟ เหลือ 3.99 บ./หน่วย โดยเริ่มตั้งแต่งวดบิลเดือนกันยายน 2566 นี้
ธนกร ออกตัวว่า รัฐมนตรีทุกคนของ รทสช. ทั้งที่กระ ทรวงพลังงาน กระทรวงการคลัง กระทรวงอุตสาหกรรม และกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ มีความตั้งใจทำงานให้ประชาชน โดยระดมคนรุ่นใหม่ที่มีความรู้ความสามารถ เข้ามาช่วยสนับสนุนงานในแต่ละกระทรวง ทำงานให้มีประสิทธิภาพในการแก้ปัญหาให้กับประชาชน
และพัฒนาต่อยอดงานใหม่ จากรัฐบาล “ลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อดีตนายกฯ ที่ทำไว้เดิมให้ดียิ่งขึ้น
ข่าวที่เกี่ยวข้อง :
“ภูมิธรรม” ยันเร่งแก้ รธน. จบ 4 ปี ชม “อุ๊งอิ๊ง” เหมาะนั่ง หน.เพื่อไทย
“พิชิต” เรียก 50 ล้าน ฟ้อง “สมชัย” อดีตกกต.คดีหมิ่นสินบนถุงขนม
