ในแถลงการณ์ที่เผยแพร่เมื่อวันพฤหัสบดี (21 ก.ย.) โจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ประกาศจัดตั้งสำนักงานป้องกันความรุนแรงจากปืนของรัฐบาลกลางแห่งแรกในประเทศ โดยสำนักงานดังกล่าวจะได้รับการดูแลโดย กมลา แฮร์ริส รองประธานาธิบดีสหรัฐฯ
ทั้งนี้ สำนักงานป้องกันความรุนแรงจากปืนของรัฐบาลกลางสหรัฐฯ จะได้รับการกำกับโดย สเตฟานี เฟลด์แมน ผู้เป็นที่ปรึกษานโยบายปืนของไบเดนมาอย่างยาวนาน และ เกร็ก แจ็กสัน จากกองทุนดำเนินการเพื่อความยุติธรรมของชุมชน และ ร็อบ วิลค็อกซ์ จากองค์กร Everytown for Gun Safety ในฐานะรองผู้กำกับการดูแลสำนักงาน เนื่องจากทั้งสองเป็นผู้นำในด้านความพยายามเพื่อการป้องกันระดับชาติ ต่อเหตุความรุนแรงจากปืน
การตั้งสำนักงานแห่งนี้เป็นความต่อเนื่องของงานฝ่ายบริหารของไบเดน ในการป้องกันเหตุกราดยิงที่เกิดขึ้นอยู่บ่อยครั้งในสหรัฐฯ และการฆาตกรรมในท้องที่ต่างๆ ของประเทศ ซึ่งส่งผลกระทบโดยตรงต่อชุมชนคนผิวดำและคนลาตินที่มีรายได้น้อยเป็นหลัก
“หากไม่มีการดำเนินการที่จำเป็นอย่างยิ่งดังกล่าว สำนักงานป้องกันความรุนแรงจากอาวุธปืน พร้อมกับฝ่ายบริหารทั้งหมดของผม จะยังคงทำทุกอย่างเท่าที่ทำได้ เพื่อต่อสู้กับการแพร่ระบาดของความรุนแรงจากอาวุธปืน ที่ทำให้ครอบครัว ชุมชน และประเทศของเราแตกขาดออกจากกัน” ไบเดนกล่าวในประกาศจัดตั้งสำนักงานป้องกันความรุนแรงจากปืนของรัฐบาลกลาง
ตลอดการดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี ไบเดนใช้การดำเนินการของฝ่ายบริหารเพื่อควบคุมอาวุธปืนที่ผลิตขึ้นเอง หรือที่เรียกว่าปืนเถื่อน เช่นเดียวกับอาวุธปืนทั่วไป และบันทึกประวัติการครอบครองอาวุธปืน ทั้งนี้ เมื่อปีที่แล้ว ไบเดนยังได้ลงนามในรัฐบัญญัติชุมชนที่ปลอดภัยยิ่งขึ้นของพรรคสองฝ่าย ซึ่งเป็นกฎหมายที่ครอบคลุมและเข้มงวด ในการตรวจสอบภูมิหลังและสนับสนุนโครงการด้านสุขภาพจิต
“ทุกครอบครัว ในทุกชุมชน ควรมีเสรีภาพในการดำเนินชีวิตและเจริญรุ่งเรือง” แฮร์ริสกล่าวในแถลงการณ์ “เรารู้ว่าเสรีภาพที่แท้จริงมีไม่ได้เลย หากผู้คนไม่ปลอดภัย ความรุนแรงของปืนที่แพร่ระบาดเช่นนี้ จำเป็นต้องอาศัยความเป็นผู้นำอย่างเร่งด่วน เพื่อยุติความกลัวและความบอบช้ำทางจิตใจ ที่ชาวอเมริกันต้องเผชิญทุกวัน”
ไบเดนได้เดินหน้าสนับสนุนให้มีการรื้อฟื้นการห้ามใช้อาวุธโจมตีระดับชาติอีกครั้ง และขยายการตรวจสอบประวัติปืน นับตั้งแต่เขาขึ้นดำรงตำแหน่งเป็นรองประธานาธิบดี ในสมัยรัฐบาลของ บารัก โอบามา อดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ ทั้งนี้ การฆาตกรรมด้วยปืนที่เพิ่มขึ้นเป็นประวัติการณ์ในปี 2563 ผลักดันให้การป้องกันความรุนแรงจากปืนในชุมชน กลายมาเป็นประเด็นสำคัญของฝ่ายบริหารของสหรัฐฯ ชุดปัจจุบัน
ที่มา: