‘ประเสริฐ’ รมว.ดีอีเอส ตั้งเป้าแก้ปัญหาคอลเซ็นเตอร์ ตั้งวอร์รูม-AI-สร้างไซเบอร์วัคซีนป้องกันการหลงเชื่อ เล็งหารือ ‘สุทิน’ รมว.กลาโหม ใช้ทหาร-ตำรวจ กวาดล้างเสาสัญญาณเถื่อนแนวตะเข็บชายแดน
วันที่ 22 ก.ย. ประเสริฐ จันทรรวงทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) กล่าวแถลงผลดำเนินงานศูนย์ประสานงานและแก้ไขปัญหาข่าวปลอมว่า ด้วยความก้าวหน้าของเทคโนโลยี ทำให้ชีวิตของทุกคนหลีกเลี่ยงไม่ได้ ที่จะเกี่ยวข้องกับเทคโนโลยี แต่สิ่งที่ตามมาด้วยถือเป็นคุณ และโทษ คุณของเทคโนโลยีทำให้ชีวิตเราสะดวกสบายขึ้น แต่โทษของเทคโนโลยีนั้นมักมาในหลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็น การกระทำความผิดทางธุรกรรม บัญชีม้า หรือบัตรอิเล็กทรอนิกส์
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในปัจจุบัน เรื่องเหล่านี้ยากต่อการควบคุม ปัจจุบันได้รับการร้องเรียนจากประชาชนเวลาลงพื้นที่เกี่ยวกับเรื่อง ภัยออนไลน์ คอลเซ็นเตอร์ การซื้อ-ขายสินค้าไม่ตรงปก อีกทั้งในสภาผู้แทนราษฎรเวลามีรายงานเรื่องที่เกี่ยวข้องนี้ ก็ได้มี สส. หลายท่านร่วมอภิปรายเรื่องความทุกข์ของประชาชน
ประเสริฐ กล่าวว่า ปัจจุบันทางกระทรวงดีอีเอส มีหน่วยงานเพื่อแก้ไขปัญหาร่วมกันในหลายหน่วยงาน ไม่ว่าจะเป็น ตำรวจ ศาล และธนาคาร แต่สิ่งเหล่านี้ยังไม่เพียงพอ จึงต้องเร่งสร้างความมั่นใจให้คนไทย และยังต้องเป็นไปตามมาตรฐานสากล
ประเสริฐ กล่าวอีกว่า ตนในฐานะรัฐมนตรีกระทรวงดีอีเอสได้กำหนด 3 เรื่องเกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาดังกล่าว คือ จัดตั้งวอร์รูม นำ AI หรือเทคโนโลยีดาต้า (Technology Data) เพื่อสร้างความโปร่งใสในการตรวจสอบข้อมูลของประชาชน พร้อมทั้งใช้ AFNC-AI ให้ประชาชนตรวจสอบลิงค์สำหรับการดำเนินการทางออนไลน์ว่าเป็นลิงค์ปลอมหรือไม่อย่างไร
นอกจากนี้ยังมีเรื่องของไซเบอร์วัคซีน ที่จัดทำเพื่อให้ความรู้ สร้างการมีส่วนร่วม และกิจกรรมเพื่อแก้ไขปัญหาการเผยแพร่ข่าวปลอม ตลอดจนการสร้างภูมิคุ้มกันให้เกิดกับทุกกลุ่มเป้าหมายที่ตกเป็นเหยื่อของอาชญากรรมออนไลน์
ประเสริฐ กล่าวอีกว่า ล่าสุดได้มีการพูดคุยกับ สุทิน คลังแสง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เกี่ยวกับการกวาดล้างเสาสัญญาณเถื่อนตามตะเข็บชายแดนจำนวน 20-30 จุด ตลอดระยะทาง 1,000 กิโลเมตร โดยใช้กำลังทหารเข้ามาเพิ่มเติมกับตำรวจ เพื่อแก้ไขปัญหาเสาสัญญาณเถื่อน หรือเสาสัญญาณที่ถูกต้องตามกฎหมาย แต่หันทิศทางไปประเทศเพื่อนบ้าน
ประเสริฐ ยังเน้นย้ำถควการดำเนินการภายใต้กระทรวงดีอีเอสว่า เมื่อสามวันที่ผ่านมาได้เดินทางไปประเทศจีนพร้อมกับคณะทำงานเพื่อพบกับกลุ่มบริษัทเทคโนโลยี โดยได้ไปชมงานการพัฒนาเทคโนโลยีซึ่งมี บจก.หัวเว่ย เทคโนโลยี่ เป็นเจ้าภาพ และการสร้างสรรค์สมาร์ทซิตี้ (Smart City) ที่เมืองเซี่ยงไฮ้
สำหรับเป้าหมายของการเจรจากับหัวเว่ยนั้น ประเสริฐเปิดเผยว่า ได้คุยเกี่ยวกับเรื่องการผลิตคนบุคลากรที่มีความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยี หรือ AI โดยทางหัวเว่ยยืนยันว่า จะสามารถสร้างบุคลากรปีละ 10,000 คน ภายในระยะเวลา 5 ปี ซึ่งตรงกับสิ่งที่เราขาดแคลนในเรื่องเทคโนโลยี ถ้าเราได้ตรงนี้ก็จะเติมเต็มในระยะเวลาที่ผ่านมา
ประเด็นที่สองคือ การเชิญชวนกลุ่มบริษัทในจีนที่ดำเนินการเรื่อง AI HUB เพื่อมาลงทุนในประเทศไทยทำให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางของเทคโนโลยีในภูมิภาค และสุดท้ายจะเป็นการสร้างงาน สร้างรายได้ สร้างเศรษฐกิจให้แก่ประชาชนในประเทศ
“แต่เดิมเครื่องยนต์ในการพัฒนาประเทศคือ การบริโภค การลงทุน การท่องเที่ยว และการส่งออก แต่วันนี้เครื่องยนต์ตัวที่ 5 คือ เรื่องเทคโนโลยีที่เติบโตอย่างก้าวกระโดด” ประเสริฐ กล่าว
ทั้งนี้ ประเสริฐ ยังกล่าวชี้แจงถึงข้อครหาที่แพร่สะพัดช่วงมารับตำแหน่ง นั่นคือการเรียกรับเงินจากเว็บการพนันต่างๆ โดย ประเสริฐ ระบุว่า ขอยืนยันต่อพี่น้องประชาชนว่า เรื่องดังกล่าวไม่เป็นความจริง และจะเร่งตรวจสอบ หากพบผู้กระทำผิดจะดำเนินคดีกับผู้ที่ทำผิดกฎหมาย