ศาลจังหวัดสมุทรปราการ พิพากษาจำคุกนักศึกษาวัย 20 คดี 112 ลงโทษ 2 ปี 8 เดือน เหตุแชร์โพสต์เฟซบุ๊กเพจ ‘KonThaiUk’ พร้อมกับข้อความวิพากษ์วิจารณ์การแต่งกายของกษัตริย์รัชกาลที่ 10 แต่เนื่องจากจำเลยให้การรับสารภาพ ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง ประกอบความประพฤติของจำเลยไม่ปรากฎข้อเสียหายร้ายแรง ให้โอกาสกลับตัวเป็นพลเมืองดี โทษจำคุกจึงให้รอการลงโทษไว้ 2 ปี
ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน เปิดเผยว่า 28 ก.ย. 2566 ศาลจังหวัดสมุทรปราการ มีนัดอ่านคำพิพากษาในคดี 112 และความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ มาตรา 14 (3),(5) ซึ่งมี ธีรวัช ยอดสิงห์ นักศึกษาระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพ อายุ 20 ปีเป็นจำเลย เหตุแชร์โพสต์เฟซบุ๊กเพจ ‘KonThaiUk’ พร้อมกับข้อความวิพากษ์วิจารณ์การแต่งกายของกษัตริย์รัชกาลที่ 10
โดยศาลพิพากษาว่า มีความผิดตาม ม.112-พ.ร.บ.คอมฯ ลงโทษจำคุก 2 ปี 8 เดือน แต่เนื่องจากจำเลยให้การรับสารภาพ ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง เหลือจำคุก 1 ปี 4 เดือน พิเคราะห์พฤติกรรมตามรายงานสืบเสาะ เห็นว่าความประพฤติของจำเลยไม่ปรากฎข้อเสียหายร้ายแรง ประกอบกับจำเลยไม่เคยต้องโทษจำคุก เห็นสมควรให้โอกาสกลับตัวเป็นพลเมืองดี โทษจำคุกจึงให้รอการลงโทษไว้ 2 ปี
สำหรับกรณีนี้ ธีรวัช ได้เดินทางไปยัง สภ.บางแก้ว เมื่อวันที่ 21 ธ.ค. 2564 หลังจากทราบว่า ตนเองมีหมายเรียกจากเจ้าหน้าที่ในช่วงเดือน ต.ค. 2563 โดยส่งไปที่บ้านในต่างจังหวัด
ทั้งนี้เมื่อเดือน ต.ค. 2563 ธีรวัชได้รับหมายเรียกพยานจากสภ.บางแก้ว ลงวันที่ 16 ต.ค. 63 เพื่อให้เข้าไปสอบปากคำเป็นพยานประกอบคดีว่าด้วยการโพสต์ข้อความพาดพิงสถาบันพระมหากษัตริย์ โดยหมายระบุว่ามี ศิวพันธุ์ มานิตย์กุล เป็นผู้กล่าวหา แต่ไม่ได้ระบุชื่อผู้ถูกกล่าวหาเอาไว้
แต่เนื่องจากหมายเรียกพยานส่งไปที่บ้านในจังหวัดหนึ่งที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และปัจจุบันธีรวัชอาศัยอยู่ที่กรุงเทพฯ มีภารกิจส่วนตัวด้านการเรียน จึงไม่ได้เดินทางเข้าไปพบพนักงานสอบสวนในช่วงที่ผ่านมา และหลังจากนั้นก็ไม่ได้มีการออกหมายเรียกเพิ่มอีก เขาจึงไม่ได้เดินทางไป
ต่อมา เมื่อวันที่ 17 มี.ค. 64 เวลาราว 14.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจจากสภ.บางแก้วเดินทางไปหาธีรวัชที่บ้านต่างจังหวัด ซึ่งมีเพียงย่าของธีรวัชอาศัยอยู่เท่านั้น เมื่อไปถึงไม่พบธีรวัช จึงสอบถามย่าว่า ธีรวัชใช่หลานของย่าหรือไม่ ปัจจุบันอาศัยอยู่ที่ไหน ประกอบอาชีพใด
หลังจากนั้น จึงขอให้ย่าโทรศัพท์หาธีรวัช ขอคุยกับธีรวัชโดยตรง และแจ้งให้ธีรวัชเข้าไปพบพนักงานสอบสวนที่สภ.บางแก้ว เพื่อเข้าไปเซ็นเอกสารให้จบคดี ถ้าหากไม่เข้าไปพบในรอบนี้ จะออกหมายจับ โดยไม่ได้แจ้งกับธีรวัชว่า เป็นการเข้าพบเพื่อรับทราบข้อกล่าวหาแต่อย่างใด
ธีรวัชเผยว่า ตนไม่เคยได้รับหมายเรียกผู้ต้องหา และไม่ทราบว่าในวันนัดจะถูกแจ้งข้อหาหมิ่นประมาทกษัตริย์ในทันที เพราะคิดว่าเจ้าหน้าที่ก็คงไม่โกหก
ในวันที่ 21 มี.ค. เขาถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจ แจ้งข้อกล่าวหา และสอบปากคำ จนได้ให้การรับสารภาพ เนื่องจากไม่มีทนายความอยู่ร่วมในกระบวนการสอบปากคำ จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ขออำนาจศาลฝากขัง แต่เขาได้รับสิทธิขอประกันตัว โดยวางเงินสดจำนวน 150,000 บาท จากกองทุนดาตอร์ปิโด เป็นหลักประกัน