วันนี้ (29 ก.ย.2566) นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง รับฟังข้อสรุปเกี่ยวกับโครงการก่อสร้างท่าอากาศยานนานาชาติอันดามัน ต.โคกกลอย อ.ตะกั่วทุ่ง จ.พังงา ซึ่งมีเนื้อที่ในการก่อสร้างประมาณ 7,000 ไร่
นายกรัฐมนตรี ได้สอบถามถึงการเวนคืนที่ดิน พร้อมเน้นย้ำว่าอย่าทำให้ประชาชนได้รับความเดือดร้อนจากการเวนคืนที่ดิน โดยให้กำหนดกรอบระยะเวลาดำเนินการเรื่องการเวนคืนที่ดิน เพื่อประเมินเป็น KPI ให้รู้ถึงความคืบหน้าการดำเนินงาน เบื้องต้นได้ตั้งกรอบระยะเวลาไว้ 18 เดือน ซึ่งมีจำนวน 1 ใน 3 ของที่ดินทั้งหมด 7,000 กว่าไร่ ที่ยังไม่ได้เวนคืน จึงอยากให้ทำแผนว่าทั้งหมดมีจำนวนกี่ไร่และระยะเวลาเท่าใด เพื่อบริหารจัดการความคาดหวังและวางแผนการออกแบบได้ เพราะบางอย่างสามารถทำคู่ขนานกันได้ เพราะไม่อยากทำเร็วเกินไป เนื่องจากมีปัญหาเรื่องงบประมาณและทุกอย่างต้องรักษากรอบวินัยการเงินการคลัง
นอกจากนี้ ยังติดตามความคืบหน้าเรื่องการแก้ปัญหาจราจรติดขัดอย่างหนักในพื้นที่ จ.ภูเก็ต จนกระทบต่อการท่องเที่ยว ยกตัวอย่างการเดินทางไปสนามบินต้องใช้เวลา 2 ชั่วโมง จากเดิม 1 ชั่วโมง จึงต้องปรับปรุงเส้นทางกระทู้-ป่าตอง โดยกระทรวงคมนาคมกลับไปวางแผนสร้างถนน 3-4 สายทันที ทั้งการเจาะภูเขา หรือถนนอ้อมจากในเมืองถึงสนามบิน รวมถึงถนนสายอื่น ๆ ลดจราจรติดขัด
“รัฐบาลนี้จะเริ่มต้นแผนพัฒนาสาธารณูปโภคพื้นฐานอย่างดีและเร็วที่สุด มีทั้งระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาว รวมถึง international airport รองรับพื้นที่ภูเก็ต พังงา กระบี่ ระนอง ใช้ชื่อเบื้องต้นว่า อันดามันอินเตอร์เนชั่นแนลแอร์พอร์ต รองรับเที่ยวบินได้หลาย 10 ไฟลท์ เป็นนิมิตหมายอันดีของชาวภาคใต้ ที่จะได้รับประโยชน์จากการที่รัฐบาลลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานครั้งใหญ่”
สำหรับการเตรียมการเรื่องโครงสร้างพื้นฐานรองรับสนามบินแห่งใหม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ในอนาคตจะมีการเชื่อมต่อการคมนาคม เนื่องจากเป็นสนามบินนานาชาติ
ส่วนระบบสาธารณูปโภคอื่น ๆ นายกรัฐมนตรี ระบุว่า ก่อนหน้านี้ได้พูดคุยกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเรื่องโรงกำจัดขยะ ซึ่งต้องฝากกระทรวงมหาดไทยช่วยดูแล เนื่องจากการขยายสนามบินนั้นมาพร้อมความเจริญ หลายส่วนจะต้องร่วมมือกัน ขณะเดียวกันรัฐบาลก็ให้ความสำคัญกับเรื่องน้ำ
ทั้งนี้ ระหว่างลงพื้นที่มีประชาชนมอบดอกไม้รอต้อนรับให้กำลังใจ ส่วนใหญ่เห็นด้วยกับการก่อสร้างสนามบินแห่งใหม่ แต่มีข้อเสนอแนะเรื่องผลกระทบจากการทำสนามบิน ซึ่งมี 35 ครอบครัว ที่ได้รับผลกระทบและขอให้ดูแลชดเชย เยียวยาให้เหมาะสม
