หน้าแรก Thai PBS นายกฯ เร่งหาเที่ยวบินอพยพคนไทยในอิสราเอล ตั้งเป้าวันละ 200-400 คน

นายกฯ เร่งหาเที่ยวบินอพยพคนไทยในอิสราเอล ตั้งเป้าวันละ 200-400 คน

80
0
นายกฯ-เร่งหาเที่ยวบินอพยพคนไทยในอิสราเอล-ตั้งเป้าวันละ-200-400-คน

วันนี้ (15 ต.ค.2566) นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เป็นประธานการประชุมศูนย์สถานการณ์ฉุกเฉินต่อสถานการณ์ความไม่สงบในอิสราเอล หรือศูนย์ Rapid Response Center : RRC ที่กระทรวงการต่างประเทศในวันนี้ เพื่อติดตามสถานการณ์เหตุการณ์ความรุนแรงในตะวันออกกลาง ประเทศอิสราเอล ที่กำลังเข้าสู่วันที่ 9 ของภาวะสงคราม และติดตามการให้ความช่วยเหลือพลเมืองชาวไทย และแรงงานไทย ที่ยังตกค้าง และได้รับผลกระทบจากภาวะสงครามในพื้นที่ และกำลังรอการอพยพกลับประเทศไทย รวมถึงแนวทางความชัดเจนในการจัดเที่ยวบิน เพื่ออพยพคนไทยให้ได้วันละ 200-400 คน และแนวทางการให้ความช่วยเหลือคนไทยที่ถูกจับเป็นตัวประกัน

สำหรับการประชุมในครั้งนี้ มีเจ้าหน้าที่ ผู้แทน และหน่วยงานต่าง ๆ เข้าร่วมการประชุมด้วยอย่างพร้อมเพรียง อาทิ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ, รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม, รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข, รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์, รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม, รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน, กองบัญชาการกองทัพไทย, กองทัพอากาศ, อธิบดีทุกกรมในสังกัดกระทรวงการต่างประเทศ และสำนักงานข่าวกรองแห่งชาติ เป็นต้น

นอกจากนั้น ยังมีการเชื่อมสัญญาณการประชุมทางออนไลน์ไปยังหน่วยงานต่าง ๆ ทั้งสถานเอกอัครราชทูตไทยประจำกรุงเทลอาวีฟ ประเทศอิสราเอล รวมถึงสถานเอกอัครราชทูตไทย, สถานกงสุลใหญ่ไทยในบางประเทศแถบตะวันออกกลาง, ศูนย์ปฏิบัติการต่อต้านการก่อการร้ายสากล, กระทรวงสาธารณสุข, กองบัญชาการกองทัพไทย, และหน่วยงานอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมการประชุม

ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรี ยังได้มีการหารือนอกรอบก่อนเวลานัดหมายประชุม 16.00 น. กับนายศรัณย์ เจริญสุวรรณ ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ ก่อนที่จะเป็นประธานการประชุมศูนย์ RRC เพื่อติดตามความคืบหน้าเหตุการณ์ในอิสราเอล และการช่วยเหลือคนไทย และแรงงานในพื้นที่

ก่อนการประชุมนายกรัฐมนตรีระบุ ขอบคุณหน่วยงานที่เสียสละมาร่วมประชุม ในวันหยุด และขอบคุณทุกหน่วยงานที่ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดีในการให้ความช่วยเหลือคนไทยในอิสราเอลเพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญ ที่สุด รวมถึงขอบคุณภาคเอกชน ไม่ว่าจะเป็นแอร์เอเชีย นกแอร์ และการบินไทย และอีกหลายหน่วยงานที่ไม่ได้กล่าวถึง ที่ให้การสนับสนุน
ขณะที่กระทรวงการต่างประเทศรายงานสรุปสถานการณ์รายวันพบว่า สถานการณ์ในอิสราเอล การสู้รบ ค่อนข้างจะเปลี่ยนไปจากวันแรก ที่มีการโจมตีอิสราเอล เพราะอิสราเอลมีแนวผลักดัน ในพื้นที่ทางตอนใต้ แล้วสรุปจำนวนผู้เสียชีวิตที่เป็นคนไทยทั้งสิ้น ณ ปัจจุบัน 28 ราย

อย่างไรก็ตาม ในวันนี้ กระทรวงการต่างประเทศ ได้รายงานความคืบหน้าจำนวนพลเมืองไทยที่ได้รับผลกระทบในอิสราเอลว่า ขณะนี้ มีผู้เสียชีวิตเพิ่ม 4 คน รวมเป็น 28 คน, ได้รับบาดเจ็บคงเดิม 16 คน, ถูกจับเป็นตัวประกันเพิ่ม 1 คน รวมเป็น 17 คน

นายกฯ ยัน ทำทุกวิถีทางช่วยตัวประกัน 

ทั้งนี้นายกรัฐมนตรี ได้รับทราบตัวเลขผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นอีก 4 ราย พร้อมยืนยันเจตนารมณ์ว่าให้ความสำคัญสูงสุดในการนำคนไทยออกจากประเทศอิสราเอลให้เร็วที่สุด ซึ่งตารางการบินไปรับคนไทยภายในสิ้นเดือนตุลาคมนี้จากสายการนกแอร์ เอเชีย การบินไทยและสายการบินสไปร์ทเจ็ท ทั้งหมด 32 เที่ยวบิน ซึ่งสามารถรับคนไทยกลับได้ประมาณ 5,700 คน ยังไม่เพียงพอเพราะคนที่ประสงค์จะเดินทางกลับมีประมาณ 7,000 คน และตัวเลขก็เพิ่มขึ้นไปเรื่อยๆ แต่ทางนี้ก็มีความกังวลเรื่องการลำเลียงคนออกมาแม้อิสราเอลมีการเลื่อนการโจมตีทางภาคพื้นไปออก

ส่วนการเคลื่อนย้ายทางเรือและทางบกก็ถูกปิดไปแล้วจึงต้องพึ่งทางอากาศอย่างเดียว ซึ่งขณะนี้ทางสถานทูตไทยประจำอิสราเอลทำงานเต็มที่สามารถนำคนมายัง ศูนย์พักพิงได้ประมาณวันละ 400 คน ซึ่งเป็นตัวเลขที่ดีแต่เครื่องบินเรายังไม่พอ

ขณะที่เรื่องเอกสาร ที่ทำหายนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ไม่เป็นปัญหาเพราะสถานทูตอำนวยความสะดวกให้ที่ศูนย์พักพิง ซึ่งสามารถดำเนินการได้วันละ 200 ราย

นายกรัฐมนตรีกล่าวอีกว่า เรื่องการลำเลียงคนออกจาก อิสราเอลมีอยู่ 2 ทางคือบินตรงอิสราเอลยังกรุงเทพฯและบินจากอิสราเอลไปที่ดูไบ จอร์แดน ไซปรัส แล้วค่อย นำเครื่องบินไปรับกลับไทยโดยเร็วที่สุด

ส่วนเรื่องแรงงานที่เดินทางกลับมาไทยแล้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานจะดูแลเรื่องเงินเยียวยาและหาสถานที่ทำงานใหม่ให้ได้โดยเร็วที่สุด

4 ช่องทางติดต่อช่วยคนไทย

สำหรับเรื่องตัวประกันนายกรัฐมนตรีระบุว่าขณะนี้ยังอยู่ที่ 17 คน ซึ่งเราใช้ 4 ช่องทางในการพยายามติดต่อในการนำตัวคนไทยออกมาที่สุดคือด้านการทูต ข่าวกรอง การทหาร และภาคประชาสังคมหรือเอ็นจีโอ ที่มีเครือข่ายอยู่ในประเทศต่างๆ ขณะที่กระทรวงการต่างประเทศเองก็มีการพูดคุยทั้งปาเลสไตน์และอิสราเอลขอให้คนไทยกลับมาได้โดยเร็วและปลอดภัยที่สุด ซึ่งสถานการณ์ยังไม่เป็นที่น่าไว้วางใจแต่ทุกหน่วยงานให้ความสำคัญสูงสุด และพยายามทุกช่องทางในการช่วยเหลือรวมถึงนำคนไทยทั้งหมดกลับมาให้ได้ภายในสิ้นเดือนนี้

นายกรัฐมนตรีระบุด้วยว่า ณ เวลานี้ ยังปลอดภัยอยู่ แต่ยังไม่ได้คำตอบว่าจะได้รับข้อสรุปปล่อยตัวเมื่อใด ซึ่งกระทรวงการต่างประเทศมีการพูดคุยประสานขอความช่วยเหลือเพื่อให้มั่นใจว่าตัวประกันยังปลอดภัย แต่สถานการณ์ภาพรวมในอิสราเอลนั้นยังไม่น่าไว้วางใจ ไม่ดีขึ้นเลย

ส่วนปัญหาและอุปสรรคในการอพยพคนไทยนั้น นายกรัฐมนตรีระบุว่า ยังมี 2-3 ปัญหาคือการนำคนจากจุดสุ่มเสี่ยงมายังจุดพักพิงแล้วเดินทางเข้าสนามบิน สองคือจำนวนเที่ยวบินที่จะไปรับได้ ซึ่งมีข้อเสนอให้เช่าเครื่องบินเพิ่มเติมเช่นแอร์บัส A-380 ที่จอดอยู่สนามบินสุวรรณภูมิ ซึ่งเป็นเครื่องบินสองชั้นรองรับคนได้ประมาณ 500 คน เหตุใดจึงไม่นำเครื่องดังกล่าวไปรับคนไทยกลับมา การบินไทยได้ชี้แจงว่าเครื่องดังกล่าวจอดไว้นานแล้ว การจะนำไปใช้ต้องมีการนำไปซ่อมบำรุงซึ่งต้องใช้เวลา จึงสั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปจัดหาเช่าเครื่องบินที่สามารถทำได้

สำหรับ จะให้ความมั่นใจกับครอบครัวของ ของคนที่ถูกจับเป็นตัวประกันอย่างไร นายกรัฐมนตรีระบุว่า เราเห็นใจ พยายามทุกช่องทางตราบใดที่ยังไม่ติดต่อไม่ได้และยังไม่มีข่าวร้ายออกมาก็ถือว่ายังมีความหวัง ย้ำทำเต็มที่ไม่ได้สิ้นหวัง

ขณะที่ท่าทีของรัฐบาลต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้น นายกรัฐมนตรีย้ำว่าไม่เปลี่ยนแปลงท่าทีเพราะเราต้องวางตัวเป็นกลาง เราไม่ได้อยู่ในความขัดแย้ง

ส่วน แรงงานไทยจะตกเป็นเป้าหรือไม่เพราะมีความสำคัญต่อภาคการเกษตร และอาหารของอิสราเอล นายกรัฐมนตรีเชื่อว่า แรงงานไทยไม่ได้เป็นชาติเดียวที่อยู่ในอิสราเอลและเชื่อว่าฮามาสไม่ได้เจาะจงเฉพาะแรงงานไทยเท่านั้น

ข่าวที่เกี่ยวข้อง :

สธ.เผยคนไทยชุดที่ 3 กลับจากอิสราเอล บาดเจ็บ 2 คน ไม่พบปัญหาสุขภาพจิต

คนไทยในอิสราเอลตายเพิ่ม 4 รวมเป็น 28 คน เร่งอพยพกลับไทย

แรงงานไทยกลุ่มที่ 3 จำนวน 90 คน จาก ‘อิสราเอล’ ถึงไทยแล้ว

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่