วันนี้ (17 ต.ค.66) นางมนพร เจริญศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม (รมช.คมนาคม) เปิดเผยภายหลังตรวจเยี่ยม บริเวณอาคารอำนวยการ หรือ อาคาร OB ท่าเรือกรุงเทพ ของการท่าเรือแห่งประเทศไทย ซึ่งจุดนี้มีแผนจะใช้พัฒนาเป็นท่าเทียบเรือท่องเที่ยว โดยระบุว่า ได้สั่งการให้พิจารณาการพัฒนาท่าเทียบเรือท่องเที่ยว (Cruise Terminal) เพื่อรองรับเรือสำราญขนาดกลาง และขนาดใหญ่ ที่สามารถรองรับผู้โดยสารได้กว่า 6,000 คน
รวมถึงการก่อสร้างที่พักคอย และสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ เพื่อตอบรับความต้องการในการท่องเที่ยวทางน้ำมากขึ้น สะท้อนให้เห็นจากในปัจจุบันเรือสำราญได้จอดเทียบท่าที่ท่าเรือแหลมฉบังเพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัว หรือจาก 30 ลำ เพิ่มขึ้นเป็น 60 ลำ
สำหรับท่าเรือกรุงเทพ ขณะนี้เรือสำราญล่องผ่านร่องน้ำเจ้าพระยา เริ่มกลับมาในปี 2566 แล้ว 1 – 2 ลำ จากช่วงก่อนโควิด-19 มีประมาณ 10 กว่าลำ ปัจจุบันรองรับผู้โดยสาร 1,000 – 2,000 คน จึงต้องเตรียมความพร้อม รวมถึงประสานกับหน่วยงานด้านการท่องเที่ยว เช่น สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) และ กรมศุลกากร
ทั้งนี้ เพื่อรองรับและเพิ่มทางเลือกให้แก่นักท่องเที่ยว เชื่อมต่อการขนส่งทางน้ำกับทางถนนเข้าเมืองในพื้นที่กรุงเทพฯ หรือการท่องเที่ยวแบบวันเดย์ทริป (One Day Trip) คาดว่า จะเห็นความชัดเจนภายในปี 2567
นอกจากนี้ นางมนพร กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ ได้ผลักดันโครงการพัฒนาเส้นทางเชื่อมต่อท่าเรือกรุงเทพฯ และทางพิเศษสายบางนา-อาจณรงค์ (S1) แบ่งเป็น กทท.ลงทุนร้อยละ 50 และการทางพิเศษแห่งประเทศไทย ร้อยละ 50 คาดว่า จะเริ่มก่อสร้างในปีงบประมาณ 2567 เพื่อลดผลกระทบปัญหาจราจรระหว่างท่าเรือกรุงเทพกับการจราจรบนท้องถนนในเขต กทม. และปริมณฑล
ด้านนายเกรียงไกร ไชยศิริวงศ์สุข ผู้อำนวยการ กทท.กล่าวว่า สำหรับโครงการเส้นทางเชื่อมต่อท่าเรือกรุงเทพ-S1 ผ่านการศึกษาความเหมาะสมทางด้านวิศวกรรม เศรษฐกิจ การเงิน และผลกระทบสิ่งแวดล้อม ( EIA) และผ่านการอนุมัติจากที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ขณะนี้อยู่ระหว่างการจัดทำร่างเอกสารประกวดราคา (TOR) ก่อนที่ กทพ.จะเป็นผู้ดำเนินการจัดการประมูล คาดว่า จะเปิดประมูลได้ในช่วงไตรมาส 2/2567 และเริ่มก่อสร้างในปี 2567 แล้วเสร็จพร้อมเปิดให้บริการในปี 2570
นอกจากนี้ กทท.ยังอยู่ระหว่างการเจรจากับชุมชนท่าเรือคลองเตย จำนวน 101 ครอบครัว ที่ได้รับผลกระทบจากโครงการเส้นทางเชื่อมต่อท่าเรือกรุงเทพ-S1 เพื่อเสนอทางเลือก ตามโครงการ Smart Community ซึ่งก่อนหน้านี้มีการเจรจาไว้ 3 แนวทางเลือก คือ 1.ให้ย้ายไปอาศัยในอาคารที่ กทท.เตรียมสร้างในรูปแบบคอนโด 2.ย้ายไปอยู่บริเวณที่ดินย่านหนองจอก และ 3.การให้เงินชดเชย อย่างไรก็ตาม คาดว่า จะได้ข้อสรุปภายในปีนี้
สำหรับความคืบหน้าการดำเนินโครงการพัฒนาท่าเรือแหลมฉบังระยะที่ 3 นั้น ขณะนี้ กทท.ได้ส่งมอบงานก่อสร้างงานทางทะเลในส่วนของงานพื้นที่ถมทะเล 1 (Key Date 1), พื้นที่ถมทะเล 2 (Key Date 2) เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ส่วนพื้นที่ถมทะเล 3 (Key Date 3) คาดว่า จะส่งมอบพื้นที่ท่าเทียบเรือ F ขนาด 1,000 ม.ให้บริษัท จีพีซี อินเตอร์เนชั่นแนล เทอร์มินอล จำกัด (GPC) เอกชนคู่สัญญาได้ภายในกลางปี 2567
ขณะที่ส่วนที่ 2 งานจ้างเหมา ก่อสร้างโครงการฯ ได้แก่ งานก่อสร้างอาคาร ท่าเทียบเรือ ระบบถนน และระบบสาธารณูปโภค วงเงินประมาณ 7,000 ล้านบาทนั้น อยู่ในขั้นตอนจำหน่ายเอกสารการประกวดราคา ครั้งที่ 2 ซึ่งจะครบกำหนดในวันที่ 15 ธ.ค. 2566 หลังจากครั้งที่ 1 มีผู้ยื่นเสนอเอกสารการประมูลรายเดียว ในส่วนงานที่ 3 งานก่อสร้างระบบรถไฟ และส่วนงานที่ 4 งานติดตั้งเครื่องจักรและระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ ขณะนี้อยู่ระหว่างการทบทวนการออกแบบ เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน คาดว่า จะเปิดประมูลได้ในปี 2567
นายเกรียงไกร กล่าวอีกว่า สำหรับผลการดำเนินงานในปี 2566 ของ กทท.นััน มีรายได้ 15,000 – 16,000 ล้านบาท มีผลกำไร 6,890 ล้านบาท ซึ่งสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในรอบ 72 ปีนับตั้งแต่เปิดการดำเนินการ และตั้งเป้าหมายในปี 2567 จะมีรายได้แตะ 7 พันล้านบาท ส่วนผลการดำเนินงานให้บริการเรือ สินค้า และตู้สินค้าผ่านท่าเรือในปี 2566 นั้น ท่าเรือกรุงเทพ มีตู้สินค้าผ่านท่า 8.5 ล้าน ที.อี.ยู. ขณะที่ ท่าเรือแหลมฉบัง (ทลฉ.) มีตู้สินค้าผ่านท่า 1.2-1.3 ล้าน ที.อี.ยู.
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
สภาซ้อมหนีไฟเสมือนจริง “มนพร” ตอบกระทู้จนจบ
“มนพร” รมช.คมนาคม เปิดบัญชีต่อ ป.ป.ช. มีทรัพย์สิน 6,819 บาท
“มนพร” จี้กรมเจ้าท่าเร่งเบิกจ่ายงบฯ ปี 66 ค้างท่อ 1.6 พันล้าน