วันนี้ (20 ต.ค.2566) นายสุทิน คลังแสง รมว.กลาโหม เดินทางไปตรวจเยี่ยมกองทัพเรือ และมอบนโยบายการปฏิบัติงานของกระทรวงกลาโหม ร่วมกับกองทัพเรือ และเหล่าทัพอื่น
นายสุทิน ระบุถึงความคืบหน้าการแก้ปัญหาโครงการเรือดำน้ำ ว่า กระทรวงกลาโหม กองทัพเรือ และรัฐบาล ร่วมแก้ปัญหาและศึกษาทางออกมาตลอด เห็นว่าจะต้องทบทวนโครงการโดยยึดหลักความคุ้มค่า ไม่เป็นที่ครหาของสังคม โดยมี 2 แนวทาง คือ เปลี่ยนรายการจากเรือดำน้ำ เป็นเรือฟริเกตที่รบได้ 3 ระบบ ราคาประมาณ 17,000 ล้านบาท ราคาสูงกว่าเรือดำน้ำประมาณ 1,000 ล้านบาท หรือจัดหาเรือตรวจการระยะไกล (OPV)
ทั้งนี้ รัฐบาลโดยกระทรวงกลาโหม เลือกแนวทางที่ 1 ส่วนราคาที่สูงกว่าเรือดำน้ำประมาณ 1,000 ล้านบาท จะนำงบประมาณสร้างอาคารเรือดำน้ำมาเสริม โดยเรือฟริเกตมีสมรรถนะปราบเรือดำน้ำได้
ขณะที่นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ได้นำเรื่องนี้ไปหารือกับทางการจีนระหว่างการเยือนจีนล่าสุด ซึ่งทางจีนเเข้าใจและรับข้อเสนอไปพิจารณา แต่ยืนยันว่าไม่ได้ระงับโครงการเรือดำน้ำ หากมีความพร้อมก็จะเดินหน้าต่อ และจะไม่กระทบต่อสัญญาที่ทำไว้เดิมกับทางการจีน เพียงแต่ต้องเปลี่ยนแปลงข้อตกลงระหว่างกัน ส่วนเรือดำน้ำลำที่ 1 ที่ทางจีนดำเนินการไปแล้ว ก็ขึ้นอยู่กับจีนว่าจะขายให้ประเทศใดต่อไปหรือไม่ คาดว่าการเจรจาทั้งหมดจะยุติภายในเดือน พ.ย.นี้
ด้าน พล.ร.อ.อะดุง พันธุ์เอี่ยม ผบ.ทร. ยืนยันว่า พร้อมที่จะปฏิบัติตามนโยบายของรัฐบาลและกระทรวงกลาโหม โดยยึดถือนโยบายของ รมว.กลาโหม ขับเคลื่อนการทำงาน