สุทิน คลังแสง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ย้ำถึงความคืบหน้าการเปลี่ยนโครงการจัดหาเรือดำน้ำเป็นเรือฟริเกตว่า อาจจะมีการเข้าใจขั้นตอนไม่ถูกต้อง เพราะขณะนี้ยังไม่ได้ข้อสรุป ยังอยู่ในระหว่างหาทางออกร่วมกัน และเสนอทางเลือกให้กับจีนหากบรรลุข้อตกลงแล้ว จากนั้นจึงนำไปเสนอเข้าประชุมคณะรัฐมนตรีและเป็นมติ ครม. เพื่อแก้ไขข้อตกลงในสัญญาจัดซื้อจีทูจีต่อไป
จึงถือว่าเป็นการไปเจรจากับทางจีนนอกรอบก่อน เพราะในขณะนี้ทางจีนรับไว้พิจารณาในเรื่องการเปลี่ยนโครงการเป็นเรือฟริเกต และขอให้มาคุยกันในขั้นรายละเอียด เมื่อเป็นไปได้ก็จะกลับมาเป็นมติ ครม.ต่อไป จึงยังไม่ต้องแก้อะไรขอไปคุยกันก่อน
ส่วนกระแสสังคมที่วิจารณ์การเปลี่ยนแปลงโครงการนั้น ยอมรับว่ามีความกังวลของสังคม เนื่้องจากยังทราบข้อมูลกันไม่ครบถ้วน เมื่อถึงจุดหนึ่งจะอธิบายให้รับทราบ เพราะคิดไว้หมดแล้วสิ่งที่ทำจะใช้งานอย่างไรไม่ใหัสูญเปล่า และจะจัดหาเข้ามาใหม่ก็จะต้องสมดุล ไม่เกินกับเงินที่เราต้องจ่ายไป
โดยรวมแล้วเป็นทางออกที่ไม่เสียหายไม่เสียของ แต่แน่นอนอาจจะไม่ได้ดั่งใจทุกอย่าง แต่จะไม่เสียทุกอย่าง ส่วนแนวทางหากเงินส่วนต่างเหลือจะนำไปซื้อปุ๋ยจากทางจีนนั้น ระบุว่า เป็นกรณีที่หากซื้อของถูก อาจมีเงินเหลือ ก็อาจจะแลกเป็นอย่างอื่น แต่ถ้าซื้อของแพง จำเป็นต้องเพิ่มเงิน เนื่องจากเรือฟริเกตไม่ใช่ของถูก
ส่วนกรณีสมชัย ศรีสุทธิยากร อดีตคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ออกมาตั้งข้อสังเกตว่าทางพรรคเพื่อไทยต้องการเรือฟริเกตนั้น สุทินกล่าวว่า สมชัยได้รับข้อมูลคลาดเคลื่อน เพราะตรวจสอบแล้วได้ข้อมูลผิดเกือบ 5,000 ล้านบาท และย้ำว่าพรรคเพื่อไทยไม่ได้ต้องการเรือฟริเกตมากกว่ากองทัพเรือ ตามที่มีบางคนตั้งข้อสังเกต ซึ่งทุกอย่างเกิดจากการหารือร่วมกัน หากจะมีใบสั่งก็เป็นเรื่องที่ประชาชนสั่ง และเชื่อว่าถ้าเปลี่ยนเป็นเรือฟริเกตก็คงจะมีความยุ่งยาก แต่น่าจะง่ายกว่าการเปลี่ยนเป็นเครื่องยนต์จีน
ส่วนแนวทางการขอคืนเงินจากจีน กรณีผิดสัญญาเรื่องเครื่องยนต์นั้น ต้องมีการเจรจากันก่อน หากเจรจาไม่ได้หรือหาข้อตกลงกันไม่ได้ การขอคืนเงินจะเป็นแนวทางสุดท้าย ซึ่งต้องพิจารณาหลายมิติ รวมทั้งเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ส่วนการหารือกับกองทัพเรือเมื่อวานนี้เป็นการพิจารณาในเรื่องของข้อเสนอ และข้อกฎหมายต่างๆ โดยเชื่อแนวทางการเปลี่ยนเป็นฟริเกต จะเป็นแนวทางที่ง่ายกว่า