ล็อกเป้ายิงระยะเผาขน เมื่อ “ศรีสุวรรณ จรรยา” ผู้นำองค์กรรักชาติ รักแผ่นดิน ยื่นคำร้องต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ให้ไต่สวนและวินิจฉัยลงโทษ 2 สส.พรรคก้าวไกล ที่ถูกกล่าวหาคุกคามและล่วงละเมิดทางเพศ คือ “แจ้” วุฒิพงศ์ ทองเหลา สส.ปราจีนบุรี และ “ปูอัด” ไชยามพวาน มั่นเพียรจิตต์ สส.กทม. เข้าข่ายฝ่าฝืนจริยธรรมอย่างร้ายแรงหรือไม่
อ่านข่าวเพิ่ม : โดนแรงบีบหนัก “ปูอัด” ไชยามพวาน ปมคุกคามทางเพศ
หลังจากก่อนหน้านี้ แสวง บุญมี เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ออกมาระบุว่า กกต. ไม่มีอำนาจสอบ “ปูอัด” ไชยามพวาน เหตุพฤติกรรมคุกคาม ไม่ใช่ลักษณะต้องห้ามเป็น สส. แต่อาจเป็นเรื่องผิดจริยธรรมตามข้อบังคับพรรค ส่วนในกรณีของ “แจ้” วุฒิพงศ์ หากมติขับพ้นพรรคไม่ชอบ ก็สามารถร้องขอความเป็นธรรมนายทะเบียนพรรคการเมืองได้
ความเคลื่อนไหวล่าสุดหลังก้าวไกลมีมติขับ “แจ้” วุฒิพงศ์ ออกจากพรรคแล้ว ปฎิกิริยาโต้กลับทันที คือ การออกมาแฉว่ามี ผู้ช่วย สส.พรรคก้าวไกลในพื้นที่ภาคตะวันออก ซึ่งมีความสนิทสนมกับกรรมการบริหารพรรค มีการกระทำที่ส่อทุจริตคือ ซื้อที่ดินบ่อขยะต่ำกว่าราคาประเมิน เอื้อประโยชน์ตัวเอง
หากพลิกคดีที่เกิดขึ้นกับ สส.พรรคก้าวไกล หลังการเลือกตั้งเสร็จสิ้นวันที่ 14 พ.ค.2566 จนถึงปัจจุบัน พบว่ามี สส.หกคะมำ สะดุดขาตัวเองล้ม ขัดกับอุดมการณ์ของพรรค มีโทษทั้งถูกขับออก ออกเอง ถูกคาดโทษ ถูกขับพ้นพรรค ทำให้หลายคนต้องหลุดจากตำแหน่ง สส. โดยไม่ต้องมีใครสอย
ถือเป็นวิบากกรรมในยามขาขึ้นของพรรคก้าวไกล ในระยะเวลาไม่ถึง 1 ปี เริ่มต้นภายใต้การนำของ ทิม พิธา หรือ “พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” ในฐานะหัวหน้าพรรคสู่ยุคของ “ต๋อม” ชัยธวัช ตุลาธน
อ่านข่าวเพิ่ม : “วันนอร์” นำชื่อ “ชัยธวัช” ทูลเกล้าฯ เป็นผู้นำฝ่ายค้าน
คนแรก ณธีภัสร์ กุลเศรษฐสิทธิ์ หรือ “เตอร์” ผู้สมัคร สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ลำดับที่ 27 ถูกตำรวจจับในข้อหาเมาแล้วขับเมื่อวันที่ 16 พ.ค.2566 และได้ลาออกไปเมื่อวันที่ 28 มิ.ย.2566 หลังศาลอาญามีนบุรีชี้ว่าคดีถึงที่สุดแล้ว
คนที่สอง “สิริน สงวนศิลป์” สส.กทม. พรรคก้าวไกล สาเหตุเกิดจากการทะเลาะวิวาทและกระทำรุนแรงต่อผู้เสียหายจริง เป็นเหตุให้ผู้เสียหายได้รับบาดเจ็บทางร่างกาย ทำลายทรัพย์สิน ใช้ถ้อยคำไม่เหมาะสมต่อผู้เสียหาย เป็นการกระทำเข้าข่ายผิดวินัยพรรคอย่างร้ายแรง
คนที่สาม “นครชัย ขุนณรงค์” สส.ระยอง เขต 3 พรรคก้าวไกล ประกาศลาออกจากตำแหน่ง สส. แสดงความรับผิดชอบกรณีเคยต้องโทษคดีลักทรัพย์ เพื่อยืนยันว่าไม่ได้จงใจสมัคร สส.ทั้งที่รู้ว่าขาดคุณสมบัติการสมัคร
คนที่สี่ “เกรียงไกร จันกกผึ้ง” อดีตผู้สมัคร สส. ชัยภูมิ ถูกกล่าวหาล่วงละเมิดทางเพศ พรรคก้าวไกลมีมติให้พ้นจากสมาชิกพรรค ถือเป็นการกระทำที่ขัดต่ออุดมการณ์ ผิดวินัยพรรคร้ายแรง
คนที่ 5 “หมออ๋อง” ปดิพัทธ์ สันติภาดา สส. พิษณุ โลก รองประธานสภาคนที่ 1 ถูกขับออกจากพรรคก้าวไกล โดยให้พ้นจากสมาชิกภาพพรรค เพื่อให้พรรคก้าวไกล เป็นฝ่ายค้านโดยสมบูรณ์
ซึ่งกรณี “หมออ๋อง” ปดิพัทธ์ ต่างฝ่ายต่างรับรู้กันว่าเป็นเหตุผลทางการเมืองที่ก้าวไกล และ “หมออ๋อง” และพรรคพันธมิตรที่หมออ๋องเข้าไปสังกัด คือ “พรรคเป็นธรรม” ต่างเข้าใจและยอมรับกัน เพื่อไม่ให้เสียเก้าอี้ในตำแหน่งทางการเมืองนี้ไป
ส่วนคนที่ 6 “แจ้” วุฒิพงศ์ สส.ปราจีนบุรี ล่าสุดหลังก้าวไกลมีมติขับพ้นพรรค ปมคุกคามทางเพศ ได้ออกมาเปิดเบื้องหน้า-เบื้องหลังของเหตุการณ์ว่า ไม่ได้เกิดจากการเมืองในพรรค แต่มีความขัดแย้งส่วนตัวกับผู้ช่วย สส. ปมแฉเรื่องรับผลประโยชน์โรงงานกำจัดขยะ จ.ปราจีนบุรี
อ่านข่าวเพิ่ม : “วุฒิพงศ์” สวนกลับ “ผู้ช่วย สส.” ส่อเอื้อประโยชน์ซื้อที่ดิน
เขาสนิทกับใคร กรรมการบริหารคนไหน และ ไม่รู้เหยียบเท้ากรรมการบริหารแรงแค่ไหน แต่ต้องเคลียร์ เพราะเป็นเรื่องทุจริต ต่อให้เป็นผู้ช่วยก็ต้องสอบสวนเร่งด่วน แต่ผ่านมา 4 เดือนยังไม่ทำอะไร” “แจ้” วุฒิพงศ์ อ้างสาเหตุที่ทำให้เขาพ้นจากพรรคก้าวไกล
ส่วนผู้ที่ถูกกล่าวหา ถือตั๋ว “ไอติม” พริษฐ์ วัชรสินธุ์ อย่าง “ปูอัด” ไชยามพวาน คนที่ 7 ไม่ว่าจะมีกระแสกดดันอย่างไร นอกจากโค้งต่ำก้มสวยแล้ว ยังไม่เปิดปากขออภัยต่อกลุ่มผู้ถูกคุกคามทั้ง 3 รายแม้ “ไอติม” จะระบุว่า เป็นคนหนึ่งที่ลงชื่อขับ “ปูอัด” ก็ตาม
อ่านข่าวเพิ่ม : ครอบครัวผู้เสียหายแจง 3 ข้อ โต้ “ปูอัด” ชี้แถลงจับแพะชนแกะหวังพ้นผิด
หากย้อนกลับไปดูภาพในอดีตพบว่า “ปูอัด” ไชยามพวาน เคยติดตาม “ไอติม” พริษฐ์ เมื่อครั้งที่พรรคประชาธิปัตย์เปิดตัวกลุ่มนิวเดม ในปี 2561 และสลายตัวลงในเวลาต่อมา หลังไม่ประสบความสำเร็จในการเลือกตั้งปี 2562 จนกระทั่ง “ไอติม” พริษฐ์ มาสังกัดพรรคก้าวไกล และมี “ปูอัด” ไชยามพวาน ติดตามมาด้วย
สส.ก้าวไกลยามขาขึ้น ผงาดเป็นพรรคอันดับ 1 ที่มีเหตุทำให้หลุดจากตำแหน่ง ไม่ได้เกิดจากถูกใครสอย แม้แต่คนที่ 8 อย่าง ทิม พิธา หรือ “พิธา” อดีตหัวหน้าพรรคก้าวไกล ที่ยังคงติดหล่มในคดีถือหุ้นไอทีวี หลังศาลธรรมนูญสั่งรับคำร้องเมื่อวันที่ 19 ก.ค.2566
และ “พิธา” ในฐานะผู้ถูกร้อง ยื่นขยายระยะเวลายื่นคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหา จำนวน 2 ครั้ง ครั้งละ 30 วัน โดยศาลรัฐธรรมนูญอนุญาตตามคำขอ และจะเรียกให้บุคคลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ส่งคำชี้แจงและพยานหลักฐานเพิ่มเติม โดยกำหนดนัดพิจารณาคดีต่อในวันพุธที่ 15 พ.ย.2566
ในวันเดียวกัน ศาลรัฐธรรมนูญจะพิจารณา กรณี นายธีรยุทธ สุวรรณเกษร (ผู้ร้อง) ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 47 ว่าการกระทำของ พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล (ผู้ถูกร้องที่ 1) และพรรคก้าวไกล (ผู้ถูกร้องที่ 2) ที่เสนอร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ ..) พ.ศ.
เพื่อยกเลิกประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 โดยใช้เป็นนโยบายในการหาเสียงเลือกตั้ง และยังคงดำเนินการอย่างต่อเนื่อง เป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 49 วรรคหนึ่ง หรือไม่ ด้วยเช่นกัน
วิบากกรรมที่พรรคก้าวไกลกำลังเผชิญ ยิ่งกว่า “พระศุกร์” เข้า “พระเสาร์” สาดกระสุน ไม่ว่าปม สส.คุกคามทางเพศ ที่คนในพรรคกำลังรบกันเอง กระแสกดดันของสังคมยังไม่จบแค่นี้ แต่ยังมีคดีใหญ่ที่รอศาลรัฐธรรมนูญตัดสินจ่อรดคอหอยอยู่อีกถึง 2 คดี
ใครจะไป-ใครจะอยู่ เชื่อว่าอีกไม่นานคงได้รู้กัน
“แจกแหลก” เอาใจสุดขั้ว เงินดิจิทัล-ขึ้นเงินข้าราชการ “รัฐบาลเศรษฐา” พร้อมเปย์