รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของชาติ G7 ได้เรียกร้องให้มีการ “หยุดเพื่อมนุษยธรรม” เพื่อการหยุดการทิ้งระเบิดของอิสราเอล ซึ่งจะช่วยให้การส่งมอบความช่วยเหลือให้กับพลเรือนชาวปาเลสไตน์ในฉนวนกาซาเป็นไปได้ด้วยความสะดวก
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศจาก 7 ประเทศประชาธิปไตยอุตสาหกรรมชั้นนำ ออกประกาศเมื่อวันพุธ (8 พ.ย.) ว่า ทางกลุ่มได้ตกลงร่วมกันเกี่ยวกับจุดยืนที่เป็นเอกภาพ เกี่ยวกับสงครามอิสราเอล-ฮามาส ภายหลังการประชุมอย่างเข้มข้นในกรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น
ทั้งนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของชาติ G7 ได้ออกแถลงการณ์ประณามกลุ่มฮามาส และกล่าวสนับสนุนสิทธิของอิสราเอลในการป้องกันตนเอง พร้อมกันกับการเรียกร้องให้มีการหยุดเพื่อมนุษยธรรมชั่วคราว จากการระดมโจมตีฉนวนกาซาของอิสราเอล
แถลงการณ์ของ G7 พยายามสร้างสมดุลระหว่างการวิพากษ์วิจารณ์การโจมตีของฮามาส และการสนับสนุนอิสราเอลด้วยการผลักดัน “การดำเนินการเร่งด่วน” เพื่อช่วยเหลือพลเรือนในดินแดนปาเลสไตน์ที่ถูกปิดล้อม ซึ่งปัจจุบันต้องการอาหาร น้ำ การรักษาพยาบาล และที่พักพิงอย่างมาก
แอนโทนี บลิงเคน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศสหรัฐฯ พร้อมกันกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของสหราชอาณาจักร แคนาดา ฝรั่งเศส เยอรมนี ญี่ปุ่น และอิตาลี กล่าวเน้นย้ำว่าพวกเขา “สนับสนุนการหยุดชั่วคราวด้านมนุษยธรรม เพื่ออำนวยความสะดวกในการให้ความช่วยเหลือที่จำเป็นเร่งด่วน การเคลื่อนตัวของพลเรือน และการปล่อยตัวประกัน”
นอกจากนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของชาติ G7 ยังประณาม “การเพิ่มขึ้นของความรุนแรงของกลุ่มหัวรุนแรงต่อชาวปาเลสไตน์” ซึ่งบรรดารัฐมนตรีกล่าวว่า “เป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้ บ่อนทำลายความมั่นคงในเขตเวสต์แบงก์ และคุกคามโอกาสในการสร้างสันติภาพที่ยั่งยืน” ทั้งนี้ ตามรายงานของสมาคมนักโทษปาเลสไตน์ มีชาวปาเลสไตน์อย่างน้อย 154 คนถูกสังหาร และ 2,150 คนถูกจับกุมโดยกองกำลังอิสราเอลในเขตเวสต์แบงก์ นับตั้งแต่สงครามอิสราเอล-ฮามาสปะทุขึ้นเมื่อเดือนที่แล้ว
ในขณะที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของชาติ G7 ได้หารือกันในกรุงโตเกียว หน่วยงานขององค์การสหประชาชาติกล่าวว่า มีชาวปาเลสไตน์หลายพันคนกำลังหลบหนีไปทางพื้นที่ทางตอนใต้ในฉนวนกาซา หลังจากพวกเขาขาดแคลนอาหารและน้ำในพื้นที่ทางตอนเหนือ
อิสราเอลระบุว่า กองกำลังของพวกเขากำลังต่อสู้กับนักรบฮามาสที่อยู่ลึกเข้าไปในเมืองกาซา ซึ่งเป็นที่อยู่อาศัยของผู้คนประมาณ 650,000 คนก่อนสงครามจะปะทุขึ้น และเป็นจุดที่กองทัพอิสราเอลกล่าวว่า กลุ่มฮามาสมีอำนาจบัญชาการในพื้นที่ส่วนกลาง และมีอุโมงค์เขาวงกตขนาดมหึมาที่กลุ่มฮามาสใช้ในการทำปฏิบัติการ
ตามการระบุของเจ้าหน้าที่สาธารณสุขของฉนวนกาซา นับตั้งแต่วันที่ 7 ต.ค. การทิ้งระเบิดของอิสราเอลได้คร่าชีวิตชาวปาเลสไตน์ไปแล้วมากกว่า 10,000 คน โดยจำนวนผู้เสียชีวิตมีประมาณ 40% นั้นเป็นเด็ก นอกจากนี้ ตามตัวเลขของสหประชาชาติ เกือบ 2 ใน 3 ของผู้อยู่อาศัยในฉนวนกาซากว่า 2.3 ล้านคนต้องกลายเป็นผู้พลัดถิ่นภายในดินแดน
โรงพยาบาลทั่วฉนวนกาซาซึ่งถูกล้อมโดยอิสราเอลได้เกิดเพลิงไหม้ โดยโรงพยาบาลหลายแห่งพยายามดิ้นรนที่จะเปิดดำเนินการต่อไป ท่ามกลางการขาดแคลนเชื้อเพลิงและเวชภัณฑ์ ทั้งนี้ สหประชาชาติกล่าวว่าบริการด้านสุขภาพ สุขาภิบาล น้ำและอาหารของฉนวนกาซากำลังใกล้ถึง “จุดแตกหัก”
ที่มา: