ตีความกันจริงๆ นี่คือการแถลงผลงานรัฐบาลในช่วง 2 เดือน ซึ่งหลักๆ คงหนีไม่พ้น นโยบาย Quick win หรือเร่งด่วน นโยบายหลัก โดยเฉพาะการแจกเงินดิจิทัล 10,000 บาท ยังไม่ได้ลงมือทำ ซึ่งนักวิชาการบางส่วนสะท้อนว่า ต้องรอตรวจการบ้านเรื่องนี้ก่อน จึงจะประเมินผลงานได้
อ่าน : “ใครพุ่ง-ใครแป้ก”สแกนผลงาน “ครม.เศรษฐา” ก่อนโชว์ผลงาน 60 วัน
ตลอดช่วง 60 วันที่ผ่านมาทำอะไร-อย่างไรไปบ้าง นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความในแอปพลิเคชัน X แล้วว่า จะแชร์ข้อมูลความคืบหน้านโยบายสู่การลงมือทำจริง “Chance of Possibility” ซึ่งเป็นนโยบาย “ควิกวิน” 3 ประการ
ลดค่าใช้จ่าย เพิ่มรายได้ และขยายโอกาส
โดยหวังกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่ ทั้งการต่างประเทศ คมนาคม ปัญหาสังคม อาชญากรรม ยาเสพติด เพื่อลดความเหลื่อมล้ำและยกระดับชีวิตของประชาชนให้ดียิ่งขึ้น แต่ในรายละเอียดให้ติดตามจากการให้สัมภาษณ์พิเศษ
ในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา นักวิชาการด้านรัฐศาสตร์ ชี้ว่ายังจับต้องไม่ได้ เพราะแก้เพียงปัญหาเฉพาะหน้า แต่ปัญหาเชิงโครงสร้างและระบบ ยังไม่ได้แตะ ที่สำคัญต้องรอดูนโยบายพระเอกคือ ดิจิทัลวอลเล็ตที่เป็นนโยบายเรือธง พร้อมกับชี้ว่า ช่วงแรกนี้ พรรคร่วมฯ ยังนิ่ง หลังจากนี้ ไม่แน่อาจมีความเคลื่อนไหวเกิดขึ้น
อ่าน : ดินเนอร์ “มื้อแรก” ในลำเรือเพื่อไทย “อุ๊งอิ๊ง” ไม่ใช่มือใหม่การเมือง
รศ.ยุทธพร อิสรชัย อาจารย์คณะรัฐศาสตร์ ม.สุโขทัยธรรมาธิราช กล่าวว่า
เราคงไม่สามารถประมาทได้ ว่าสุดท้ายสถานการณ์ในพรรคร่วมจะเป็นอย่างไร ในระยะ1-2 ปีแรกก็คงยังไม่เห็นปัญหา แต่ถ้าผ่านพ้น 2 ปีไป สถานการณ์เศรษฐกิจหรือการเมืองไม่ดีขึ้น การเคลื่อนไหวของพรรคร่วมก็คงมีโอกาสที่จะเกิดขึ้นได้
สอดคล้องกับ รศ.ธนพร ศรียากูล ผอ.สถาบันวิเคราะห์การเมืองและนโยบาย ที่มองว่า นโยบายพรรคหรือรัฐบาลเพื่อไทย ยังไม่แตะเชิงโครงสร้างเลย มีแต่มาตรการเฉพาะหน้า คล้ายการบรรเทาอาการปวด หรือให้พารา ผลของงานจึงให้คะแนนได้เพียงแค่ครึ่งๆ หรือคาบเส้นเท่านั้น
และการเปิดแถลงผลงาน 60 วัน ก่อนเปิดตัวนโยบายดิจิทัลวอลเล็ต เพียง 1 วัน อาจมีนัย เก็บแต้มก่อนออกหมัดและเป็นไปได้ว่า ดิจิทัลวอลเล็ต จะเป็นปัญหาของรัฐบาลหรือพรรคร่วมฯ ที่ถึงขั้นสั่นคลอนได้ แม้จะจัดแมตช์ล้างใจตั้งวงดินเนอร์พรรคร่วมฯ การันตีความสัมพันธ์ไว้ก่อนก็ตาม
60 วันหรือช่วง 2 เดือนของรัฐบาล ภายใต้การนำของนายกฯ เศรษฐา ด้วยนโยบายควิกวิน เป็นเพียงจุดเริ่มต้นที่ รัฐบาลพยายามจะโชว์ แต่จะตรงปก ถูกใจใครต่อใครหรือไม่เป็นเรื่องที่ต้องวัดผลกัน จากนี้ไปรัฐบาลยังคงต้องทำงานหนัก เพื่อแสดงผลงานเชิงประจักษ์ เพราะตัวชี้วัดผลงาน ย่อมต้องเป็นนโยบายหลัก โดยเฉพาะ “ดิจิทัลวอลเล็ต” และนั่นคือคะแนนนิยมรัฐบาล ที่จะแปรเป็นเสียงสนับสนุนและเสถียรภาพของรัฐบาลต่อไป