พรรคพลังปวงชนไทย
เพื่อคนไทยทั้งแผ่นดิน

3 แกนนำ 'อนาคตใหม่' ปลุกขอนแก่น เลือก 'ก้าวไกล' ไปเปลี่ยนแปลงประเทศ

‘ก้าวไกล-อนาคตใหม่’ จับมือกันปักธงที่ขอนแก่น ‘ธนาธร’ ยก ‘พิธา’ เหมาะนั่งนายกฯ ที่สุด ‘พรรณิการ์’ ชี้ ‘อนาคตใหม่’ ยิ่งทุบทำลาย ยิ่งงอกงาม ‘ปิยบุตร’ ปลุกเลือกก้าวไกลเพื่อเปลี่ยนประเทศ

วันที่ 3 มี.ค. ที่สวนรัชดานุสรณ์ จ.ขอนแก่น พรรคก้าวไกลจัดเวทีปราศรัยใหญ่ ‘อนาคตใหม่ก้าวไกล เพื่อประเทศไทยไม่เหมือนเดิม’ เปิดตัว 11 ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.พรรคก้าวไกล จ.ขอนแก่น พร้อมเปิดตัว 3 ขุนพลแกนนำพรรคอนาคตใหม่ ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ปิยบุตร แสงกนกกุล และ พรรณิการ์ วานิช ในฐานะผู้ช่วยหาเสียง 

ยิ่งทำลาย ยิ่งเติบโต

พรรณิการ์ ประเดิมขึ้นเวทีปราศรัย กล่าวย้อนไปเมื่อพรรคอนาคตใหม่ถูกยุบ แต่กลับเติบโตมาเป็นพรรคก้าวไกล เป็นพรรคการเมืองเดียวที่ไม่มีนอกมีใน เปิดเผยตรงไปตรงมาที่สุด แม้จะถูกขู่ยุบพรรคก้าวไกล ขอให้ระวังได้นายกฯ ชื่อ รังสิมันต์ โรม แล้วจะไม่มีแผ่นดินอยู่

“คอยดูแล้วกัน หนังเรื่องนี้ผู้กำกับเดิม บทเดิม ยุบพรรคแบบเดิม แต่จะจบไม่เหมือนเดิม ยิ่งทุบ ยิ่งโต ยิ่งทุบ ยิ่งหวาน ยิ่งทำลาย ยิ่งงอกงาม งอกงามเป็น ส.ส.ก้าวไกล ที่ไม่ใช่แค่ไม่แพ้ ส.ส.อนาคตใหม่ แต่ยังดีกว่า ถ้าไม่มี ส.ส.ก้าวไกล ในวันนี้ ป่านนี้ พี่น้องมีเรือดำน้ำ 6 ลำ รถถัง 30 คันแล้ว โดยที่ประชาชนอดอยากปากแห้งเหมือนเดิม”

พิธาเหมาะนั่งนายกฯ ที่สุด

ด้าน ธนาธร ได้เล่าประสบการณ์หลังถูกตัดสิทธิทางการเมือง จะเอาความรู้ความสามารถมาพัฒนาการเมืองท้องถิ่น ทำงานร่วมกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมากกว่า 60 แห่งในประเทศไทยทำให้ตนเองเข้าใจความเดือดร้อนและชีวิตที่ขมขื่น 

พรรคอนาคตใหม่ถูกยุบรู้สึกอย่างไร ขอเปิดเผยที่ขอนแก่นเป็นที่แรก ส่วนตัวไม่ได้โกรธหรือแค้น เพียงแต่น้อยใจในโชคชะตาตนเอง ไม่มีโอกาสมีอำนาจมารับใช้พวกท่านเพื่อต่อสู้กับเผด็จการ สร้างงาน สร้างเศรษฐกิจ สร้างสังคมไทยที่เป็นประชาธิปไตยที่คนเทียมเท่า แม้จะน้อยใจแต่ไม่เคยท้อแท้ ยังอยู่ในเส้นทางการเมือง พร้อมทำงานเป็นวัวเป็นควายให้กับพรรคก้าวไกล เพราะเชื่อว่าพรรคก้าวไกล เป็นพรรคเดียวที่จะนำพาึวามฝันของตนเองให้เป็นจริง 

ธนาธร ยังกล่าวต่อไปว่า จากประสบการณ์การทำงานทางการเมืองใน 4 ปีที่ผ่านมา สะท้อนแล้วว่า โครงสร้างทางสังคมกดขี่คนจน เอารัดเอาเปรียบคนส่วนใหญ่ของประเทศ เอาดอกผลไปจุนเจือให้กลุ่มอภิสิทธิ์ชน หากอยากสร้างสังคมที่ปรารถนาต้องกล้าชนกับโครงสร้างอยุติธรรม พรรคก้าวไกลคือ พรรคการเมืองเดียวในประเทศที่กล้าเผชิญปัญหา กล้าต่อสู้กลุ่มทุนผูกขาด กล้าต่อสู้กับโครงส้รางรัฐราชการรวมศูนย์ 

ธนาธร ยังระบุว่า พิธา เหมาะสมเป็นรัฐมนตรี เพราะมีความสามารถ เป็นนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ เช่น ธุรกิจแปรรูปข้าวให้เป็นน้ำมันรำข้าว ทั้งนี้นายพิธาเข้าใจโลก เข้าใจสังคม ฉลาดหลักแหลม พร้อมเรียนรู้ตลอดเวลา มีความกลเาหาญทางการเมือง กล้าอภิปรายปัญหาสำคัญของประเทศอย่างมีวุฒิภาวะ 

“ผมมีความมีความเชื่อใหม่ พิธา จะเป็นนายกรัฐมนตรีที่ดีที่สุด ไม่มีใครเหมาะสมเท่าพิธา ลิ้มเจริญรัตน์” 

ก้าวไกลเป็นไปได้

ต่อมา พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคก้าวไกล อภิปรายว่า วันนี้เป็นวันที่พิสูจน์แล้วว่า การเมือง คือ เรื่องของความเป็นไปได้ เมื่อ 4 ปีที่แล้วมีคนบอกว่าพวกเรา ทำไม่ได้ พรรคอนาคตใหม่ พรรคการเมืองที่ไม่ซื้อสิทธิ์ขายเสียง ไม่มีหัวคะแนน จะได้ ส.ส. กี่ที่นั่ง อย่างมากก็ได้ 10 ถึง 20 ที่นั่งโดยเฉพาะภาคอีสานจะได้สักเท่าไหร่ ขอถามกลับว่าแล้วเป็นอย่างไร พิสูจน์แล้วว่าพวกเขาพูดผิดเพราะการเมืองคือเรื่องของความเป็นไปได้ โดยเฉพาะที่ขอนแก่นได้เกือบ 200,000 คะแนน ให้กับพรรคอนาคตใหม่ในอดีต

ทั้งยังมีผู้กล่าวหาว่า พรรคก้าวไกลอภิปรายเป็นหรือ โดย พิธา ถามกลับว่า แล้วเป็นอย่างไร เมื่อเจอการอภิปรายกระดุมห้าเม็ด การอภิปรายตั๋วช้างคาน ใช้กรรมาธิการผลักดันเรื่องที่ดินให้กับประชาชน 

“ปัดโถ ช่างบ่ฮู่อีหยังเลย เบิ่ดคำซิเว้า พี่น้องชาวขอนแก่นเนี่ยแหละ เขาผูกเสี่ยวกันหมดแล้ว เป็นเพื่อนแท้มิตรสหาย รักกันจนตาย เลือกตั้งครั้งนี้มั่นใจขอนแก่นและทั่วประเทศไทย ไม่มีงูเห่า เราจะได้การเมืองดี ปากท้องดี และมีอนาคตไปพร้อมกัน”

พิธา ยังย้ำว่า การเลือกตั้งครั้งนี้อย่าหวังแค่เปลี่ยนรัฐบาลแต่ต้องเปลี่ยนประเทศไทยออกจากรัฐบาลทหารให้ได้และนำลุงกลับไปเลี้ยงหลานที่บ้าน ได้แล้วปิดสวิตช์ 3 ป. เปิดแสงสว่างให้การเมืองไทย พร้อมระบุว่า 100 วันหลังกลายเป็นรัฐบาลจะแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพื่อนำสามัญสำนึกกลับสู่การเมืองไทย

ปลุกขอนแก่น 3 เปลี่ยน

ขณะที่ ปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรคก้าวไกล อภิปรายว่า วันนี้เป็นครั้งแรกที่ตนได้ใส่เสื้อพรรคก้าวไกล ตนอยากใส่มานานแล้ว ไม่แน่ใจว่าจะใส่ได้หรือไม่ แต่ในเมื่อสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ออกระเบียบมาแล้วว่าใส่ได้ ก็เลยใส่ออกมาจากบ้านเลย

“นักร้องทั้งหลายอย่าเพิ่งไปร้องนะ เพราะระเบียบกกต. ได้เขียนเอาไว้ ว่าด้วยการหาเสียง บทนิยามคำว่าผู้ช่วยหาเสียง บอกไว้ว่าคือผู้มีสิทธิ์เลือกตั้ง ที่พรรคหรือผู้สมัครตั้งขึ้นมาช่วยหาเสียง พวกผมนี่ไม่ได้ถูกตัดสิทธิ์เลือกตั้งนะ พวกผมถูกตัดสิทธิ์เฉพาะสมัครรับเลือกตั้ง ไม่ให้เป็นสมาชิกพรรคการเมือง อย่าเป็นสมาชิกก็เป็นไปได้ แต่เป็นผู้ช่วยหาเสียงให้พรรคก้าวไกลได้”

ปิยบุตร กล่าวว่า ขึ้นชื่อว่าคนอีสาน กล้าสู้กับเผด็จการถูกยุคทุกสมัย โดยได้ยก นายแคล้ว นรปติ อดีต ส.ส.ขอนแก่น 7 สมัย แล้วเป็นวุฒิสภาจากการแต่งตั้ง 1 สมัย พร้อมเป็นสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (สสร.) 2540 เป็นผู้ที่ชาวขอนแก่นภาคภูมิใจ เพราะได้ต่อต้านเผด็จการทหารมาตั้งแต่เป็น ส.ส สมัยแรกจวบจนวาระสุดท้ายของชีวิต ยืนยันจะเป็นฝ่ายค้าน แม้ใครจะชักชวนด้วยอามิสสินจ้าง ซึ่งพรรคก้าวไกลจะเดินรอยตามไป

ต้องมี 3 เปลี่ยน คือ เปลี่ยนขั้วรัฐบาลให้ได้ ทุกวันนี้ประเทศเสื่อมถอยเพราะ 3 ป. ไม่ใช่แค่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี คนเดียว ยังมี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ที่อาสามาเป็นโซ่ข้อกลาง ก้าวข้ามความขัดแย้ง แต่ตัวเองก็มีตำแหน่งทางทหารในช่วงกวาดล้างคนเสื้อแดง ทั้งที่ตัวเองเป็นส่วนหนึ่งของความขัดแย้งเสียเอง จึงเรียกได้ว่าเป็นความปรองดองจอมปลอม มีเพียง พิธา เท่านั้น ที่ทำให้ความปรองดองเกิดได้ ปัญหาแล้ว จะได้แก้ถูกจุด

“ไม่ใช่ซุกขยะไว้ใต้พรม ยิงประชาชนเสร็จปุ๊บ ก็บอกเลิกแล้วต่อกัน ประชาชนออกมาเรียกร้สิทธิเสรีภาพ สิทธิการเลือกตั้งเอา ไปจับขัง ไปยิง แล้วบอกเลิกแล้วต่อกันนะ แบบนี้มันปรองดองตรงไหน”

เปลี่ยนต่อมาคือ ต้องเปลี่ยนรัฐธรรมนูญ ที่ผ่านมา 4 ปีไม่เคยแก้ไขได้ โดยเฉพาะวุฒิสภาที่ขวางตลอดเวลา วิธีแก้คือต้องเลือก ส.ส.ก้าวไกล เข้าไปให้มากที่สุด จนเกิน 250 เข้าไปมากๆ เชื่อว่า ส.ว.จะไม่กล้าขวาง เป็นการเปิดประตูทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ของประชาชน

และเปลี่ยนสุดท้ายคือ เปลี่ยนประเทศไทย โดยการเปลี่ยนแปลงปัญหาเชิงโครงสร้างที่มีอยู่มากมาย และหมักหมมเรื้อรังมานานตั้งแต่ 2548 กินยาไม่หาย จำเป็นต้องผ่าตัดใหญ่ ต้องกระจายอำนาจไปสู่ท้องถิ่น ไม่ใช่โยนเงินให้ชั่วครั้งคราว ต้องออกแบบระบบรัฐสวัสดิการ ครอบคลุมตั้งแต่เกิดจนตาย พร้อมย้ำว่าปัญหาปากท้องและโครงสร้างคือเรื่องเดียวกัน เมื่อมีอำนาจแล้วต้องทำทันที อย่ากลัวที่จะเปลี่ยน

พร้อมกันนี้ พรรคก้าวไกลยังได้เปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ขอนแก่น ทั้ง 11 เขต ประกอบด้วย

วีรนันท์ ฮวดศรี เขต 1

อิทธิพล ชลธราศิริ เขต 2 (มาแทน ครูใหญ่-อรรถพล บัวพัฒน์ ที่ถอนตัวไป)

ชัชวาล อภิรักษ์มั่นคง เขต 3

วุฒิรักษ์ แพงตาแก้ว เขต 4

วิชัย อินทรประสิทธิ์ เขต 5

สานิตย์ พระโบราณ ขอนแก่น เขต 6

รุ่งวิชิต คำงาม เขต 7

อำนวย วิชาโคตร เขต 8

วนัฏศนันท์ ธีรวรวรรณ เขต 9

นิวัตร สระพรม เขต 10

ณัฏฐณิชา สารบรรณ เขต 11

ทิ้งคำตอบไว้

อีเมล์ของคุณจะไม่ถูกเผยแพร่

This website uses cookies to improve your experience. We'll assume you're ok with this, but you can opt-out if you wish. Accept Read More