พรรคพลังปวงชนไทย
เพื่อคนไทยทั้งแผ่นดิน

“ประยุทธ์” เมินโพลเป็นรอง พท.-ก้าวไกล ยืนยัน รทสช. ให้มากกว่า 1 หมื่น

วันนี้ (16 เม.ย.2566) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในฐานะแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรครวมไทยสร้างชาติ พร้อมด้วย นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรค และ ทีมผู้บริหารพรรค ลงพื้นที่พบปะประชาชนที่ตลาดบองมาร์เช่ และตลาด อตก.

โดย พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวขอโทษประชาชนในนามพรรครวมไทยสร้างชาติ ที่อาจจะได้รับผลกระทบบ้าง ในการลงพื้นที่หาเสียง ขณะเดียวกันต้องขอบคุณที่ทุกคนให้การต้อนรับและมีมิตรไมตรีที่ดีให้กัน โดยได้กล่าวคำอวยพรให้ประชาชนประสบความสำเร็จ ในการค้าขาย ขณะเดียวกันก็มีการบ้านให้กลับไปคิดทบทวนต่อ ว่าจะทำยังไงให้ดีขึ้นกว่าเดิม ซึ่งย้ำว่าจะทำต่อและทำสิ่งใหม่ให้ดียิ่งขึ้นกว่านี้อีก

พร้อมระบุว่าปัญหาของประเทศไทยตลาดร้านค้าน้อยๆ นั้นมีเยอะ กำลังการผลิตมันเยอะแต่กำลังซื้อมันน้อยเกินไป ย้ำทำให้ทั้งสองทางเป็นไปด้วยกัน คนขายและคนซื้อ พึ่งพาอาศัยกัน เพื่อเป็นการเพิ่มรายได้ให้กับประชาชนฐานราก ซึ่งเศรษฐกิจฐานรากสำคัญ สำหรับประเทศไทยทั้งวันนี้และวันหน้า หากกระจายในพื้นที่ได้ ก็จะมีเงินหมุนเวียนในระบบมากขึ้น ส่วนงบประมาณของรัฐบาลที่เพิ่มเติมมาคือการลงทุน โดยเฉพาะการลงทุนใหม่ๆ จากต่างประเทศ ซึ่งมีทั้งงานการดำเนินงานไปบ้างแล้วและจะเห็นผลในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า โดยยืนยันว่าจะเติมทั้งสองอย่างให้เต็มเพื่อให้ประเทศไทยมั่นคงมั่งคั่งและยั่งยืน

พล.อ.ประยุทธ์ ยังชี้แจงถึงบัตรสวัสดิการพลัส ซึ่งยก ตัวเลขที่คำนวณได้ตามกฎหมายเดือนละ 1,000 บาท 12 เดือนเท่ากับ 12,000 บาท ขณะที่นโยบายพรรคคู่แข่งให้ครั้งเดียว 10,000 บาทแล้วใช้ 6 เดือน แนะให้คูณตัวเลขดูว่า 2 นโยบายนี้ได้มากน้อยอย่างไร และพุ่งเป้าไปสู่กลุ่มประชาชนที่มีความเดือดร้อนจริงหรือไม่

การใช้เงินไม่ใช่กวาดไปทั่ว อันนี้ก็เป็นความคิดเห็นของต่างประเทศด้วย ซึ่งเราได้นำมาวิเคราะห์ ว่าอะไรทำได้ไม่ได้ อย่างไรก็ตามเราให้ความสำคัญกับเสถียรภาพทางการเงินของเรา

เมื่อถามว่า ของเดิมที่ทำอยู่จะดีกว่าตรงที่ใช้ได้ทั้งประเทศไม่ได้กำหนด รัศมีในการใช้ใช่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ ระบุว่า ก็น่าจะเป็นอย่างนั้น เพราะใช้ได้ในทุกพื้นที่ และอย่าลืมว่าร้านค้าบางร้าน ที่คาดหวังว่าจะไปเก็บเงินมีปัญหาอยู่บ้าง ว่าบางร้านไม่ได้จดทะเบียน เป็นร้านเล็กๆ น้อยๆ ซึ่งเราก็ไม่รู้จะทำเช่นไรจะยกระดับให้เขาดีขึ้น เพื่อเข้าสู่การจดทะเบียนห้างร้าน เพราะหากไม่มีการจดทะเบียนก็พัฒนาไม่ได้และเก็บภาษีไม่ได้ ขณะเดียวกันก็เห็นใจร้านค้าด้วยเช่นกัน ย้ำว่าให้คิดเปรียบเทียบแบบนี้ไม่ได้ไปติติงใคร ในส่วนตัวก็ได้กล่าวเหตุผลของตัวเอง ในฐานะผู้บริหารการเงินการคลัง หากไม่พุ่งเป้า จะมีเพียงพอหรือไม่ตามหลักการ

พล.อ.ประยุทธ์ ยังระบุว่า ได้ทำรายละเอียดเกี่ยวกับที่มา งบประมาณ นโยบายหาเสียงของพรรค เชื่อว่าจะส่งได้ทันตามกรอบ ที่ กกต. กำหนด ทำเสร็จมาตั้งหลายวัน เพราะรู้ว่าต้องมีการชี้แจง กกต. ที่มางบประมาณมาจากไหนอย่างไร เป็นการใช้จ่ายก็ต้องคำนึงถึง รายรับที่มีอยู่ และรายจ่าย ที่ต้องจ่ายอยู่แล้ว โดยการดูแลผู้มีรายได้น้อยก็มีอยู่แล้ว ซึ่งในฐานะประธานก็ต้องพิจารณา

พล.อ.ประยุทธ์ ยังกล่าวถึงผลสำรวจความนิยมแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีและพรรคการเมือง ทั้งของนิด้าโพลและ เดลินิวส์กับมติชนร่วมกัน ที่คะแนนความนิยมของพรรครวมไทยสร้างชาติและแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรค ยังเป็นรองพรรคเพื่อไทยและก้าวไกลอยู่ ว่าไม่ได้ทำให้เสียกำลังใจ ซึ่งเป็นเรื่องของประชาชนและประเทศชาติ ว่าจะได้รับอะไรต่อไป ซึ่งอยู่ที่การตัดสินใจของประชาชน จึงไม่สามารถไปทำอะไรได้

เมื่อถามว่าจะต้องมีการปรับกลยุทธ์หาเสียงอย่างไรหรือไม่เพื่อให้ความนิยมของพรรคกลับขึ้นมาเป็นอันดับหนึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า สิ่งที่สำคัญที่สุดคือจะทำอย่างไรให้ประชาชนเข้าใจและเกิดความร่วมมือ หากหาเสียงมีแต่ให้กับให้ จะเกิดอะไรขึ้นในอนาคต ก็ทราบดีอยู่แล้วว่าที่ผ่านมา เกิดอะไรมาเยอะแยะ แล้วได้อะไรกลับมาหรือไม่ ซึ่งก็มีปัญหามาโดยตลอด เพราะฉะนั้นวันนี้ทุกประเทศในโลก ใช้วิธีการ ดูแลประชาชนอย่างเฉพาะเจาะจง กลุ่มที่รายได้เท่าไร ควรจะได้อะไร และอะไรควรที่จะได้ทุกคนหรืออะไรที่ควรจะได้บางคน ย้ำว่า มีหลักคิดทั้งหมด หากพูดเองเออเองทั้งหมดแล้วคนชอบ ก็เป็นกรรมเวรของประเทศชาติก็แล้วกัน

“ประยุทธ์” หาเสียงตลาด อตก. ปชช.-แฟนคลับขอถ่ายรูป

พล.อ.ประยุทธ์ เดินทางต่อมาที่ตลาด อตก. เพื่อลงพื้นที่ช่วยผู้สมัคร พรรครวมไทยสร้างชาติ เขตจตุจักร บางเขน หาเสียง โดยบรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคักเนื่องจากมีประชาชนและแฟนคลับมาขอถ่ายรูป พร้อมให้กำลังใจตลอดทาง

ช่วงหนึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ ได้พูดคุยกับแม่ค้าร้านทุเรียนชื่อดังในตลาด อตก. ว่า แม่ค้าเก่าแซวว่า อยู่มา 30 ปีไม่เคยได้ตังค์ลุงตู่ อยากจะขายทุเรียนให้กับลุงตู่ ทำให้ พล.อ.ประยุทธ์ถึงกับหันไปถามทีมงาน ว่าสามารถซื้อได้หรือไม่ และชี้ไปด้านหลังว่าเดี๋ยวให้เขาจัดการ ก่อนที่แม่ค้าจะยื่นทุเรียนให้ พล.อ.ประยุทธ์ได้ชิม ซึ่ง พล.อ.ประยุทธ์​ ได้ลองชิม และก่อนจะถามว่าขายกิโลกรัมละเท่าไหร่ แม่ค้าตอบว่า 12,000 บาท ทำให้ พล.อ.ประยุทธ์ ​ถึงกับจับมือแม่ค้าแล้วถามว่านี่เพชรหรือ แม่ค้าจึงตอบติดตลกว่า เป็นอาวุธเผื่อเวลาใครพูดไม่เข้าหู พล.อ.ประยุทธ์ ถึงกับยกนิ้วโป้งให้ และแม่ค้ายังบอกว่าตนเป็นเกษตรกรมานานแล้วและเป็นเกษตรกรตัวจริง สร้างชื่อเสียงจากการติดหนี้ ธกส. พล.อ.ประยุทธ์จึงกล่าวชมว่านี่แหละสมาร์ทฟาร์มเมอร์พร้อมกับจับมือชื่นชมแม่ค้าคนดังกล่าว

ขณะเดียวกันเมื่อ พล.อ.ประยุทธ์​ เดินทางมาถึงบริเวณศูนย์อาหารของตลาด ได้กล่าวขอโทษประชาชน ที่รับประทานอาหารกลางวันอยู่ ว่าต้องขอโทษด้วยใจจริงไม่อยากให้เกิดเสียงอึกทึก เดี๋ยวท่านจะทานข้าวไม่อร่อย สิ่งที่เราเจอกันในวันนี้ ผมก็ได้เห็นปัญหาเพิ่มขึ้นอีกหลายอย่าง โดยเฉพาะอย่างยิ่งการค้าขาย ก็จะพยายามทำต่อไปให้ดียิ่งขึ้น

ปัญหาของเราวันนี้คือคนซื้อกับคนขายไม่สมดุลกัน คนขายเยอะมาก กำลังซื้อค่อนข้างน้อยแต่จะทำอย่างไร ให้เพิ่มกำลังซื้อได้มากขึ้น เพื่อให้เกิดเศรษฐกิจหมุนเวียนในพื้นที่ ซึ่งเราต้องพูดคุยกัน และทุกฝ่ายต้องช่วยกันทำอย่างมีสติ มั่นคงแข็งแรงและยั่งยืน ซึ่งเป็นนโยบายของพรรคเรา หากทำชั่วครั้งชั่วคราวก็เหมือนเดิม ก่อนที่จะถามประชาชนว่าให้อภัยหรือไม่ วันนี้ซึ่งประชาชนก็ตอบว่าให้อภัย นายกรัฐมนตรีจึงขอบคุณทุกคน ขอให้ทานข้าวให้อร่อยนะจ๊ะ

หลังจากนั้น พล.อ.ประยุทธ์ได้เดินไปสั่งอาหารด้วยตัวเอง​ ที่ร้านข้าวแกงรสเด็ดซึ่งเป็นเมนู หน่อไม้ผัดไก่ มัสมั่น ผัดผักกาดดอง พะโล้​ ไชโป๊ผัดไข่

ข่าวที่เกี่ยวข้อง : 

นิด้าโพล หนุน “อุ๊งอิ๊ง” นั่งนายกฯ “พิธา” รั้งอันดับ 2 – “ประยุทธ์” ที่ 3

ทิ้งคำตอบไว้

อีเมล์ของคุณจะไม่ถูกเผยแพร่

This website uses cookies to improve your experience. We'll assume you're ok with this, but you can opt-out if you wish. Accept Read More