พรรคพลังปวงชนไทย
เพื่อคนไทยทั้งแผ่นดิน

ผู้ประกอบการ 'ข้าวสาร-พระนคร' ฝากเพื่อไทย หากเป็นรัฐบาล ขอคุมโซนกัญชา แก้ผังเมือง

‘กิตติรัตน์-ปานปรีย์-ประภัสร์’ นำ ‘เพื่อไทย’ ฟังปัญหาผู้ประกอบการธุรกิจโรงแรม-โฮสเทล ย่านข้าวสาร-พระนคร ฝากรัฐบาลหน้าคุมโซนกัญชา แก้ผังเมือง ส่งเสริมข้าวสารเป็นแหล่งท่องเที่ยว ไม่ใช่แหล่งบันเทิง

วันที่ 24 เม.ย. พรรคเพื่อไทย นำโดย กิตติรัตน์ ณ ระนอง อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เสริมศักดิ์ พงษ์พานิช อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ปานปรีย์ พหิทธานุกร อดีตผู้แทนการค้าไทย และ ประภัสร์ จงสงวน ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ในฐานะคณะทำงานเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทย

ร่วมกิจกรรม ‘ล้อมวงคุย ปัญหาเศรษฐกิจสู่อนาคต’ กับผู้ประกอบการธุรกิจโรงแรม โฮสเทล ในเขตพื้นที่กรุงเทพฯชั้นใน ซึ่งเป็นแหล่งธุรกิจท่องเที่ยว มาพูดคุยหารือถึงปัญหาและข้อเสนอแนะเกี่ยวกับธุรกิจการ ท่องเที่ยวและโรงแรมในพื้นที่

จี้คุมโซนกัญชา-ปรับผังเมือง

ตัวแทนผู้ประกอบการ นำโดย ปรีชา ชัยรัตน์ ผู้ประกอบการโรงแรมย่านข้าวสาร รามบุตรี บางลำภู ชี้ว่า ธุรกิจโรงแรมในเขตสัมพันธวงศ์ ยังไม่ได้รับการเหลียวแลท่าที่ควร พร้อมขอความเห็นของพรรคเพื่อไทยต่อนโยบายกัญชา ว่าควรจะควบคุมอยู่ในระดับใด หรือควรปล่อยให้เสรี เพราะขณะนี้ผลกระทบจากกัญชา เป็นที่ปรากฏไปทั่วประเทศ

ขณะที่ ประธานสภาวัฒนธรรมเขตพระนคร เน้นย้ำว่าต้องแก้ปัญหาให้ทุกจุด ด้วยผลของนโยบายกัญชาใส่รีที่ขาดการควบคุม ถนนข้าวสารลถูกเปลี่ยนจากสถานที่ท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม จดกลายเป็นแหล่งมั่วสุม เต็มไปด้วยสถานบันเทิงเริงรมย์ ทั้งคนไทยและคนต่างประเทศ โดยเฉพาะเยาวชน ทั้งที่เต็มไปด้วยโบราณสถานต่างๆ ที่มีคุณค่า จำเป็นต้องแก้ไขปัญหาที่ต้นตอคือกฎหมาย 

อีกส่วนหนึ่งหยิบยกปัญหาเศรษฐกิจสร้างสรรค์ จากการท่องเที่ยวซึ่งมีคุณค่าและเป็นพลังงานทางเศรษฐกิจที่สำคัญ เพราะไม่สามารถถูกรบกวนได้ด้วยความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี อย่างไรก็ตาม หน่วยงานที่เข้าใจปัญหาด้านเศรษฐกิจสร้างสรรค์ หรือรสนิยมของการท่องเที่ยวที่ดี จะไม่ค่อยมีงบประมาณ ส่วนหน่วยงานที่มีงบประมาณก็จะไม่เข้าใจปัญหาดังกล่าว หากรัฐบาลที่มีวิสัยทัศน์ สามารถคลี่คลายปัญหาต่างๆ ได้

รัฐบาล ‘เพื่อไทย’ พร้อมทำงานร่วมกันทุกส่วน

โดย กิตติรัตน์ กล่าวว่า วันนี้เข้าใจดี ทุกฝ่ายล้วนต้องการให้ประเทศไทยและพื้นที่กรุงเทพฯชั้นในเป็นพื้นที่น่าท่องเที่ยว ให้ต่างประเทศมาพบกับสิ่งที่มีคุณค่าของประเทศไทย ไม่ใช่เพียงแต่ขายของเก่ากิน หากภาครัฐและพื้นที่ปรึกษาหารือและทำงานร่วมกัน เพื่อให้ขับเคลื่อนไปโดยไม่ผิดทาง ถึงอยากมารับฟังความเห็นของผู้ประกอบการว่า คาดหวังจะให้นักท่องเที่ยวที่เข้ามาพบเห็นอะไรในพื้นที่บ้าง

กิตติรัตน์ ยืนยันในเป้าหมายของพรรคเพื่อไทย ว่าจะต้องทำให้ GDP โตไม่ต่ำกว่า 5% ต่อปี การส่งเสริมการท่องเที่ยวนั้น ภาครัฐจำเป็นต้องบูรณาการกับหลายภาคส่วนอย่างจริงจัง รับผิดชอบร่วมกัน เช่นเดียวกับภาคประชาชนก็ต้องขับเคลื่อนในรายละเอียด และสามารถตอบสนองต่อปัญหาได้เร็วกว่ารัฐบาล 

ปานปรีย์ ยืนยันว่าพรรคเพื่อไทยมีจุดยืนคัดค้านกัญชาเสรี ส่วนเรื่องโฮสเทลนั้นถือเป็นเรื่องใหม่ มองว่าระเบียบและกฎหมายต่างๆ ยังปรับเปลี่ยนตามวัฒนธรรมไม่ทัน ต้องเชื่อว่าข้าราชการบางคนยังไม่รู้จักว่าโฮสเทลคืออะไร อีกทั้งทาง กทม. เองก็อาจจะกำลังหนักใจ เพราะไม่ได้มีอำนาจ ติดขัดทางรัฐบาลและกระทรวงต่างๆ มั่นใจว่าหากเพื่อไทยได้เป็นรัฐบาล จะสามารถประสานกับหน่วยงานต่างๆ เพื่อแก้ปัญหาได้

ปานปรีย์ ยังมองว่า การประชาสัมพันธ์เป็นเรื่องสำคัญที่สุด เพราะเป็นภาพพจน์ของประเทศ และดึงดูดให้นักท่องเที่ยวเข้ามายังประเทศไทยจำนวนมากขึ้น จำเป็นต้องดูในรายละเอียดให้มากกว่านี้ อาจต้องทำเป็นรายจังหวัดหรือรายจุด เช่น ถนนข้าวสารอาจต้องทำการประชาสัมพันธ์แยกออกมา ไม่ใช่รวมทั้งกรุงเทพฯ ไว้ด้วยกัน

ขณะที่ เสริมศักดิ์ เห็นตรงกันว่าตรอกข้าวสารมีคุณค่าด้านการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ กระทรวงมหาดไทยควรปรับปรุงด้านผังเมืองโดยการทำงานควบคู่กับกรมโยธาฯ เพื่อพัฒนาพื้นที่ให้มีความสอดคล้อง พร้อมกันนี้ยังให้ความสำคัญกับการปราบปรามยาเสพติด โดยย้ำว่า เพื่อไทยว่ายาเสพติดจะหมดไปแน่นอน

ด้าน ประภัสร์ ระบุว่า การแก้ไขกฎหมายนั้น ในเมื่อเขียนด้วยคน คนก็ย่อมแก้ได้ จึงไม่ถือเป็นอุปสรรคที่แก้ยาก พร้อมตั้งคำถามว่าในสมัยรัฐบาลนี้มีการแอบแก้กฎหมายโดยประชาชนไม่รู้ไปกี่ฉบับแล้ว ทุกอย่างทำได้ อยู่ที่คนสั่งมีอำนาจแค่ไหน รัฐบาลไทยเห่อเรื่องระเบียงเศรษฐกิจ (EEC) ทั้งที่ไม่รู้เลยว่า ผลที่ตามมาจับต้องได้หรือไม่ โดยต้องแลกกับการที่นักท่องเที่ยวชาวจีนเข้ามามีอิทธิพลเหนือคนไทย

ทิ้งคำตอบไว้

อีเมล์ของคุณจะไม่ถูกเผยแพร่


This website uses cookies to improve your experience. We'll assume you're ok with this, but you can opt-out if you wish. Accept Read More