พรรคพลังปวงชนไทย
เพื่อคนไทยทั้งแผ่นดิน

“ปริญญา” ชี้ ก้าวไกลไม่มั่นใจได้ “นายกฯ” ปมไม่ปล่อย “ประธานสภาฯ” ให้เพื่อไทย

วันนี้ (28 มิ.ย.2566) ดร.ปริญญา เทวานฤมิตรกุล อาจารย์คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เปิดเผยกับไทยพีบีเอสออนไลน์ถึงสถานการณ์การเมือง หลังมีการเปิดประชุมสภาฯ ในวันที่ 3 ก.ค. นี้ ว่า เรื่องประธานสภาผู้แทนราษฎรถือว่าเป็นเรื่องใหญ่สำหรับพรรคก้าวไกล เพราะหากพรรคก้าวไกลไม่ได้ตำแหน่งประธานสภาฯ แล้ว ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีก็มีทีท่าว่าจะลำบากด้วย

หากพรรคก้าวไกลให้ตำแหน่งประธานสภาฯ กับพรรคเพื่อไทย ปัญหาก็จะจบ แต่ต้องเข้าใจพรรคเพื่อไทย ในเมื่อพรรคก้าวไกลได้หัวหน้าฝ่ายบริหารคือ นายกฯ แล้ว ตำแหน่งฝ่ายนิติบัญญัติควรเป็นของพรรคเพื่อไทย แต่ประเด็นสำคัญคือพรรคก้าวไกล ยังไม่ได้ตำแหน่งนายกฯ ยังขาดอีก 64 เสียง ซึ่งเป็นเรื่องของสองพรรคที่จะต้องตกลงร่วมกัน

ในความเห็นทางวิชาการ พรรคไหนก็ได้ที่ตกลงกันได้ ถ้าตกลงไม่ได้พรรคอันดับ 1 ต้องมีเสียงที่ดังกว่า

พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกลและแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี

พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกลและแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี

ประธานสภาฯ สำคัญกับก้าวไกล

ประเด็นสำคัญมีเรื่องเดียวคือถ้าเสนอนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล และ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี เป็นนายกฯ แล้ว แต่คะแนนเสียงไม่ถึง 376 เสียง พรรคก้าวไกลจะมีโอกาสเสนอนายพิธาได้อีกกี่ครั้งกัน เพราะเป็นไปได้มากว่าครั้งเดียวไม่จบและมีการเสนออีกครั้งหนึ่ง ก่อนจะเปลี่ยนมาเป็นโอกาสของพรรคเพื่อไทย ทำให้ตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎรจึงเป็นเรื่องสำคัญสำหรับพรรคก้าวไกล

แกนนำพรรคเพื่อไทย

แกนนำพรรคเพื่อไทย

พลิกขั้ว เปลี่ยนข้าง เป็นไปไม่ได้

ผศ.ปริญญา ยังเชื่อว่าฝ่ายรัฐบาลยังคงเป็นพรรคก้าวไกล และ เพื่อไทย สำหรับโอกาสจะเกิดการพลิกขั้ว เปลี่ยนข้าง สูตรอื่นๆ หรือรัฐบาลเสียงข้างน้อยเป็นไปไม่ได้ เนื่องจากเสียงข้างน้อยมี 188 เสียง ถึงแม่ว่ารวมกับ ส.ว. แล้วสามารถเป็นนายกฯ ได้ก็จริงแต่ถ้ามีเสียงแค่นั้นและหวังไปช้อปปิ้งงูเห่า ต้องการงูเห่าถึง 62 เสียง ถึงจะครบ 250 เสียง มันไม่ใช่เรื่องที่จะเป็นไปได้เลย

โอกาสที่จะเกิดสูตรอื่นเป็นเรื่องที่ทำไปแล้วไปไม่รอด เสียงข้างน้อยไม่รอดอย่างดีก็อยู่ได้ 1 เดือน หรือพรรคเพื่อไทยจะย้ายไปรวมกับพรรคพลังประชารัฐก็ยาก ถ้าเพื่อไทยทำเช่นนั้น พรรคก้าวไกลก็จะเป็นฝ่ายค้าน

เลือกตั้งวันที่ 14 พฤษภาคม 2566

เลือกตั้งวันที่ 14 พฤษภาคม 2566

ยึดตามเจตนารมณ์ของประชาชน

อีกทั้งกระแสจากประชาชนที่แสดงเจตนารมณ์ชัดเจนแล้ว ในวันเลือกตั้ง 14 พ.ค.2566 ที่ผ่านมา ประสงค์จะให้ฝ่ายค้านเป็นรัฐบาลแทนรัฐบาลชุดเดิม ดังนั้นประชาชนจะเห็นรัฐบาลก้าวไกล เพื่อไทย แน่นอน

ถ้าจะให้บ้านเมืองเดินหน้าไป ก็ต้องเป็นตามเจตนารมณ์ของประชาชน ต่อเมื่ออันดับ 1 ไม่สามารถตั้งรัฐบาลได้ ก็เป็นหน้าที่พรรคอันดับ 2 ซึ่งเป็นธรรมเนียมปฏิบัติ

ดร.ปริญญาระบุว่า ผลการเลือกตั้งพรรคก้าวไกลชนะพรรคเพื่อไทย มาจากหลายปัจจัย แต่ความไม่ชัดเจนของพรรคเพื่อไทยในตอนต้น ที่มีกระแสข่าวจะร่วมจัดตั้งรัฐบาลกับพรรคพลังประชารัฐ ก็เป็นหนึ่งในปัจจัยนั้น แม้ว่าจะออกมาแสดงจุดยืนในโค้งสุดท้ายแล้วก็ตาม

พรรคเพื่อไทยไม่ใช่พรรคเฉพาะกิจเป็นพรรคการเมืองจริงก็คงต้องคิดไปถึงเลือกตั้งครั้งหน้า ความพ่ายแพ้เมื่อวันที่ 14 พ.ค. จะพลิกมาชนะไม่ใช่ด้วยวิธีการไปรวมกับพลังประชารัฐแน่นอน

อ่านข่าวอื่นๆ :

“ปดิพัทธ์” มั่นใจทำหน้าที่ประธานสภาฯ-เชื่อ 2 พรรคเคลียร์จบ

“อิ๊งค์” ให้กำลังใจ “เพื่อไทย-ก้าวไกล” หาข้อยุติ “ปธ.สภาฯ”

“ปดิพัทธ์” มั่นใจทำหน้าที่ประธานสภาฯ-เชื่อ 2 พรรคเคลียร์จบ 

“หมออ๋อง” ปดิพัทธ์ สันติภาดา ผู้ท้าชิงตำแหน่งประธานสภา จากก้าวไกล

ก้าวไกล แจ้งเลื่อนหารือเพื่อไทย ปม “ประธานสภา” วันนี้

ทิ้งคำตอบไว้

อีเมล์ของคุณจะไม่ถูกเผยแพร่


This website uses cookies to improve your experience. We'll assume you're ok with this, but you can opt-out if you wish. Accept Read More