ช้ำใจกันค่อนประเทศ…กับนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่หลังฟัง “นายกฯนิด” เศรษฐา ทวีสิน ออกมาแถลงเงื่อนไขผู้มีสิทธิได้รับเงินดิจิทัล 10,000 บาท ผ่าน Digital Wallet หลังมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์และ คัดค้านจากหลายฝ่าย
แต่ในที่สุดก็มีการปรับหลักเกณฑ์ของผู้ได้รับสิทธิลงตัวสักที คือประชาชนอายุ 16 ปีขึ้นไป และมีเงินเดือนต่ำกว่า 70,000 บาท หรือมีเงินในบัญชีรวมกันน้อยกว่า 500,000 บาท คิดเป็นจำนวนประชากรผู้ได้รับจำนวน 50,000,000 คน
สำหรับนโยบายกระเป๋าเงินดิจิทัล “นายกฯนิด” แจงชัดถ้อยชัดคำว่า คือการอัดฉีดเงินเข้าไปในระบบ ให้เข้าถึงทุกพื้นที่ เพื่อให้เกิดการจับจ่ายใช้สอยหมุนเวียนภายในระยะเวลาอันรวดเร็ว การอัดฉีดครั้งแรกมีระยะเวลา 6 เดือนเพื่อให้เงินหมุนเวียนเข้าระบบ และสามารถใช้จับจ่ายต่อได้จนถึงเดือนเมษายนปี 2570 เป็นการลงทุนที่มอบสิทธิและอำนาจให้กับประชาชนช่วยกันกอบกู้เศรษฐกิจ ซึ่งจะก่อให้เกิดการลงทุนในภาคประชาชน ทั้งการรวมเงินในครัวเรือนเพื่อประกอบอาชีพ การซื้อ-ขายสินค้าของพ่อค้าแม่ค้า การสั่งผลิตสินค้าในโรงงาน SME ถึงโรงงานขนาดใหญ่
สำหรับที่มาของงบประมาณโครงการ คำตอบที่เป็นไปได้มากที่สุดในการดำเนินนโยบายนี้ คือการออก พ.ร.บ. เป็นวงเงิน 500,000 ล้านบาท ภายใต้การตรวจสอบถ่วงดุลในระบบรัฐสภา และเป็นไปตามมาตรา 53 พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ.2561 พ.ร.บ. การกู้เงินดังกล่าวจะระบุวัตถุประสงค์ของการกู้เงิน ระยะเวลาในการกู้เงิน แผนงานหรือโครงการที่ใช้จ่ายเงินกู้ วงเงินที่อนุญาตให้ใช้จ่ายเงินกู้ และหน่วยงานของรัฐ ซึ่งเป็นผู้รับผิดชอบการดำเนินแผนงานหรือโครงการที่ใช้จ่ายเงินกู้ในโครงการ Digital Wallet ให้ชอบด้วยรัฐธรรมนูญและกฎหมาย
และรัฐบาลจะกู้เงิน ก็ต่อเมื่อ มีการนำเงินไปใช้และนำมาขึ้นเป็นเงินสด นี่จะเป็นการทำให้เงินในระบบทั้งหมดใหญ่ขึ้นกว่า 500,000 ล้าน ซึ่งจะหมุนเวียนและกระตุ้นเศรษฐกิจได้อย่างมีนัยยะ ผสมกับงบประมาณ 100,000 ล้านบาท เพื่อใช้ดำเนินโครงการที่กล่าวไปทั้งหมด
ไม่ต้องห่วงเรื่องของการใช้เงินคืน รัฐบาลมีแผนจัดสรรเงินงบประมาณมาเพื่อจ่ายคืนเงินส่วนที่เป็นเงินกู้ตลอดระยะเวลา 4 ปี คือ คำยืนยันจากผู้นำประเทศ
นโยบาย Digital Wallet ไม่ใช่การสงเคราะห์ประชาชนผู้ยากไร้ แต่เป็นการเติมเงินลงไปในระบบเศรษฐกิจผ่านสิทธิการใช้จ่าย เพื่อให้ประชาชนมีบทบาทร่วมกับรัฐบาล (Partnership) ซึ่งเป็นกลไกสำคัญในการพลิกฟื้นเศรษฐกิจ ผ่านสิทธิการใช้จ่าย 10,000 บาท
สิ้นสุดคำอธิบายของ “นายกฯนิด” จะเห็นได้ว่า Digital Wallet มีทั้งคนสมหวังและผิดหวัง โดยเฉพาะผู้ที่ไม่เข้าข่ายได้สิทธิ ซึ่งอาจถึงขั้นต้องกลับไปซดน้ำใบบัวบกเพราะอกช้ำ แต่สำหรับผู้ที่ได้รับสิทธิก็คงตั้งหน้าตั้งตารอความหวัง และกว่าฝันจะเป็นจริงพฤษภาคม 2567 คาดว่าจะเริ่มใช้ได้ ดังนั้นยังต้องร้องเพลงรอต่อไป
อ่านข่าว : “ดิจิทัลวอลเล็ต” แจก 50 ล้านคน รายได้ไม่เกิน 7 หมื่นฝาก 5 แสน
ส่วนงานโรดโชว์ผลงานรัฐบาล 60 วันแรก แม้จะค่อยๆ จะเป็นรูปเป็นร่าง ดังถ้อยแถลงของ “นายกฯนิด” เศรษฐาและพรรคร่วมรัฐบาล ซึ่งต่างเน้นกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่ ผ่านนโยบายทั้งระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาว
ไม่ว่าจะ ลดค่าไฟ ค่าน้ำ ปรับลดราคาน้ำมันดีเซลและน้ำมันเบนซิน ดูแลปัญหาหนี้ครัวเรือน ลดดอกเบี้ย พักชำระหนี้ให้เกษตรกร หว่านเงินช่วยเหลือชาวนา แก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบ ที่กัดกร่อนสังคมไทยมายาวนาน โดยเฉพาะดอกเบี้ยที่ไม่เป็นธรรม มีอัตราดอกเบี้ยที่สูงเกินกว่าที่กฎหมายระบุไว้ ทำให้ประชาชนหลุดจากวงโคจรหนี้นอกระบบได้ยาก
เรื่องใหญ่ก็คือเรื่องของปากท้อง ซึ่งรัฐบาลนี้ เราพยายามอย่างเต็มที่ที่จะทำทุกเรื่อง ที่เกี่ยวข้องกับเรื่องของปากท้อง อะไรทำได้ เราจะทำก่อน
อ่านข่าว : นายกฯ โชว์ผลงาน 60 วันแรก รุกทุกงาน เร่งกระตุ้นเศรษฐกิจ แก้หนี้
เช่นเดียวกับนโยบายส่งเสริมคุณภาพชีวิตประชาชน ทั้งการปรับค่าแรง และขึ้นเงินเดือนข้าราชการ แม้จะยังไม่ได้ข้อยุติว่าจะมีการปรับขึ้นกี่เปอร์เซ็นต์ จำนวนเท่าใด โดยเฉพาะข้าราชการบรรจุแรกเข้า ว่าจะสามารถปรับเป็น 25,000 บาทได้หรือไม่
รัฐบาลยังคงอยู่ระหว่างการพิจารณารายละเอียดเพิ่มเติม แม้ ปานปรีย์ พหิทธานุกร รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.ต่างประเทศ จะระบุว่ามีโอกาสสูงที่จะขึ้นเงินเดือน เพราะต้องทำตามนโยบายส่วนจะมากหรือขึ้นน้อย ยังให้คำตอบไม่ได้
ดินเนอร์มื้อค่ำของพรรคร่วมรัฐบาลเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา ส่งผลกระทบต่อ “อิ๊งค์” แพทองธาร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย อย่างช่วยไม่ได้ เนื่องจากถูกมองว่า มีนัยการเมืองว่า เป็นมื้อส่งไม้ต่อจาก “เศรษฐา” ถึง “แพทองธาร”
จนทำให้เจ้าตัว ต้องออกมาปัดพัลวันว่า การร่วมรับประทานอาหารกับนายกรัฐมนตรีและหัวหน้าพรรคเป็นการพูดคุยกันตามปกติ และเป็นโอกาสดีที่หัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาลได้พูดคุยกัน เพื่อทำความรู้จักกันมากขึ้นนอกเหนือจากการทำงาน
ไม่ได้มีข้อแนะนำอะไรเป็นพิเศษ ไม่ได้มีประเด็นเรื่องการเมือง และไม่มีนัยสำคัญอื่นๆ โดยเฉพาะเรื่องที่เกี่ยวกับการเตรียมเป็นนายกรัฐมนตรี
สมเป็นฝ่ายค้าน “ไอติม” โฆษกพรรคก้าวไกล พริษฐ์ วัชรสินธุ บอกว่า การแถลงผลงานในรอบ 60 วันของรัฐบาล เป็นการสรุปสิ่งที่รัฐบาลได้ดำเนินการตั้งแต่ตั้งรัฐบาลเสร็จ แม้ปฏิเสธไม่ได้ว่า รัฐบาลได้ออกหลายมาตรการลักษณะ “quick wins” ที่หวังผลระยะสั้นทันที
แต่ในภาพรวม ยังคงไม่สามารถสรุปได้ว่า ผลงานของรัฐบาลในห้วง 60 วันที่ผ่านมา จะเป็นจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลงอย่างเป็นระบบ และอย่างยั่งยืน ตามที่ประชาชนคาดหวังได้จริงหรือไม่
แต่ทั้งหมดนี้ไม่ได้หมายความว่า รัฐบาลจะทำไม่ได้หรือไม่พยายามทำ เพียงแต่ว่า 60 วัน ที่ผ่านมาอาจยังพิสูจน์ อะไรได้ยาก เนื่องจากบทพิสูจน์ที่แท้จริง น่าจะขึ้นอยู่กับสิ่งที่จะเกิดขึ้นในช่วง 6 เดือนข้างหน้า ที่ชวนประชาชนทุกคนร่วมกันจับตามอง
ขณะที่ สส.บัญชีรายชื่อ “ไหม” ศิริกัญญา ตันสกุล พรรคก้าวไกล ออกมาติงหลังจาก “นายกฯนิด” ออกมาแถลงรายละเอียดและเงื่อนไขเรื่องดิจิทัลวอลเล็ตแล้ว แต่ยังไม่วาย ตั้งข้อสงสัยแหล่งที่มาของงบประมาณที่รัฐบาลจะนำมาใช้มาก โดยเห็นว่านายกฯ เลือกเส้นทางที่ยากที่สุด ในการออกพระราชบัญญัติเงินกู้ เพื่อระดมเงินมาใช้จ่ายในโครงการ
เชื่อว่า รัฐบาลอาจถึงทางตัน จึงเตรียมออกพระราชบัญญัติเงินกู้ ซึ่งอาจขัดต่อรัฐธรรมนูญ พระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลัง เหตุไม่มีความจำเป็นเร่งด่วน สุ่มเสี่ยงศาลรัฐธรรมนูญตีตก ซ้ำรอย เงินกู้ 2 ล้านล้าน ยุคสมัยรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ท้ายที่สุดอาจไม่มีใครได้เงินจากโครงการนี้เลย
นอกจากนี้ “ไหม” ศิริกัญญา ยังนัดแถลงท่าทีของพรรคก้าวไกลต่อนโยบายดิจิทัลวอลเล็ตในช่วงค่ำวันนี้ด้วย คงต้องจับตาดูว่า จะมีเผือกร้อนประเด็นไหนตามมาอีก
ข่าวที่เกี่ยวข้อง :
“อิ๊งค์” ปัดดินเนอร์พรรคร่วมปูทางนายกฯ ยัน 2 เดือน รบ.ผลงานชัด
เช็กเลย! กระชากเศรษฐกิจด้วยเงินหมื่น Digital ยังไงบ้าง
เงินเดือนใหม่ยังไม่ได้ข้อยุติ “ปานปรีย์” ไม่ฟันธงจบใหม่รับ “25,000”
“พริษฐ์” ชี้ผลงานรัฐบาลยังพิสูจน์ยาก ผลงาน 6 เดือนคือบทพิสูจน์จริง