วันนี้ (10 พ.ย.2566) พล.ต.ต.พัลลภ แอร่มหล้า รักษาราชการแทนรองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล และพ.ต.อ.วิทวัฒน์ ชินคำ รักษาราชการแทนผู้บังคับการตำรวจนครบาล 5 ประชุมร่วมกับพ.ต.อ.โอภาส หาญณรงค์ ผู้กำกับการ สน.พระโขนง และคณะทำงาน ที่สน.พระโขนง
พล.ต.ต.พัลลภ กล่าวว่า หลังชั่งน้ำหนักรถพบว่าบรรทุกน้ำหนักเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด ได้แจ้งข้อหากับคนขับรถ 2 ข้อหา คือขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ทรัพย์สินเสียหาย และทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ
ส่วนตัวเจ้าของรถ ตำรวจติดต่อมาสอบปากคำในวันนี้ ส่วนสาเหตุที่เชิญมาล่าช้า เนื่องจากเจ้าของรถอ้างว่าตกใจ และยังไม่พร้อมให้ข้อมูล
อ่านข่าว “โตโต้” เตรียมเข้าพบ ผบ.ตร. ถามปม “ส่วยทางหลวง” 13 พ.ย.นี้
ยันไร้เจตนาอำพราง แค่ถ่ายน้ำมันออกจากรถ
ส่วนกรณีที่มีการเปิดเผยภาพคลิปวิดีโอว่าในช่วงกลางดึกของคืนวันเกิดเหตุ มีคนงานนำถังแกลลอนมาถ่ายน้ำมันออกจากรถบรรทุกคันเกิดเหตุที่จอดไว้ตรงข้าม สน.พระโขนงนั้น ฝ่ายสืบสวนได้ติดตามตัวบุคคลในคลิปมาสอบปากคำแล้ว ได้ให้การว่า ได้รับคำสั่งมาให้ถ่ายน้ำมันออกจากถัง
เนื่องจากตัวถังได้รับความเสียหายจากอุบัติเหตุ จึงเกรงว่าน้ำมันอาจรั่วจนเกิดอันตราย และได้นำน้ำมันของกลางมาส่งคืนให้กับพนักงานสอบสวนแล้ว
ไม่มีเจตนาจะอำพรางทำให้น้ำหนักรถลดลง แต่ก็ยังต้องสอบสวนหาข้อเท็จจริงเพิ่มเติม หากพบว่าพยายามถ่ายน้ำหนักรถเพื่อเลี่ยงการถูกตรวจสอบก็จะดำเนินคดี
หลังจากนี้จะตรวจสอบประเด็นความผิดอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องเพื่อแจ้งข้อหาเพิ่มเติมตามที่ผู้บัญชาการตำรวจนครบาลกำชับมา โดยแบ่งเป็น 2 ส่วนทั้งเรื่องการดัดแปลงต่อเติมอุปกรณ์เสริมพ่วง
ส่วนอื่นๆ ที่ฝ่าฝืนกฎหมายหรือไม่ และในส่วนของบ่อพักที่อยู่ในความรับผิดชอบของการไฟฟ้านครหลวง การก่อสร้างมีความถูกต้องตามหลักวิศวกรรมหรือไม่ โดยหลังจากนี้จะต้องให้ทางสภาวิศวกรรมเข้ามาตรวจสอบ
อ่านข่าว คืนแรก “ชัชชาติ” เจอเอง จับรถบรรทุกน้ำหนักเกิน 2 คัน
บช.น.ตั้งกรรมการสอบปมส่วยสติกเกอร์
สำหรับประเด็นเรื่องส่วยสติกเกอร์ ทางพล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ได้กำชับและมีการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบในเรื่องนี้แล้ว รวมทั้ง พล.ต.อ.ต่อศกดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ได้มีคำสั่งมอบหมายให้จเรตำรวจแห่งชาติตรวจสอบเรื่องนี้ ควบคู่กันไปด้วย
แต่การสอบสวนเบื้องต้นทางคนขับรถให้การว่าทางผู้ประกอบการเจ้าของรถบรรทุกได้ติดสติกเกอร์ทำสัญลักษณ์ให้รู้ว่าเป็นรถของตัวเองที่จะเข้ามาตักดินภายในไซต์งาน เนื่องจากมีรถจำนวนหลายคัน หากพบหลักฐานที่เกี่ยวข้องกับการทุจริตรับผลประโยชน์ (ส่วยสติกเกอร์) จะดำเนินคดีตามกฎหมาย โดยไม่ละเว้น แต่ต้องใช้เวลาในการทำงาน
ขณะที่รถคันอื่นๆ ของผู้ประกอบการเจ้าของรถบรรทุก ที่มีรายงานข่าวว่ามีจำนวน 6-7 คัน หากไม่ได้บรรทุกน้ำหนักเกินที่กฎหมายกำหนด หรือไม่มีสิ่งใดผิดกฎ หมาย ก็สามารถดำเนินประกอบการได้ตามปกติ
แต่เจ้าหน้าที่อาจจะต้องเข้มงวดตรวจตรา ตามเส้นทางเพิ่มมากขึ้น ส่วนเส้นทางที่รถบรรทุกคันดังกล่าวจะนำดินไปไว้พื้นที่ไหนนั้น ตอนนี้อยู่ระหว่างสืบสวนสอบสวนเพื่อความชัดเจน
ขณะที่กรณีการสอบปากคำคนขับรถบรรทุก หากให้การซักทอดถึงเจ้าของรถว่า บังคับให้ขนส่งน้ำหนักเกินกฎหมายกำหนด ก็ต้องดำเนินคดี ในส่วนนี้กับเจ้าของรถบรรทุกด้วย แต่การสอบปากคำในเบื้องต้น ยังไม่มีการซักทอดถึงเจ้าของรถบรรทุก
อ่านข่าว
ถนนสุขุมวิท 64/1 ทรุดตัว กลืนรถบรรทุกครึ่งคัน-บาดเจ็บ 2 คน
สิบล้อขนดินทำถนนทรุด หนัก 37 ตัน เกินมาตรฐาน – แจ้ง 2 ข้อหาคนขับ
ขีดเส้น 3 วัน! ผบ.ตร.สั่งสอบ สน.พระโขนง เอี่ยวส่วยสติกเกอร์หรือไม่