วันนี้ (14 พ.ย.2566) นายคำนูณ สิทธิสมาน สว. ในฐานะที่ปรึกษาคณะกรรมาธิการพัฒนาการเมืองและการมีส่วนร่วมของประชาชน สมาชิกวุฒิสภา กล่าวถึง กรณีที่รัฐบาลจะออกพระราชบัญญัติเงินกู้ 500,000 ล้านบาท ดำเนินโครงการดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท ว่า ยังไม่มีความชัดเจนในรายละเอียดทั้งหมด เท่าที่ติดตามตนเองไม่ได้มีประเด็นขัดแย้งด้านหลักการ เพียงแต่เมื่อรัฐบาลจะออก พ.ร.บ.เงินกู้ จะมีความเป็นห่วงว่าจะชอบด้วยกฎหมายหรือไม่
เพราะการกู้เงินตามรัฐธรรมนูญมาตรา 140 และ พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลัง มาตรา 53 ระบุชัดเจนว่า การออกกฎหมายพิเศษกู้เงินนั้นจะกระทำได้เฉพาะกรณีมีความจำเป็นเร่งด่วน ต้องใช้อย่างต่อเนื่องเพื่อแก้วิกฤตของประเทศ โดยไม่สามารถตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีได้ทัน หากเข้า 4 เงื่อนไข จึงจะสามารถออกกฎหมายพิเศษกู้เงินได้
อ่านข่าว : เช็กสิทธิ! บัตร ปชช.ใบเดียวรักษาทุกที่ทุกเครือข่ายดีเดย์ 8 ม.ค.67
อย่างไรก็ดี ขณะนี้ยังอยู่ในกระบวนการ พิจารณา พ.ร.บ.งบประมาณ 2567 ซึ่งจะเข้าสู่การพิจารณาของรัฐสภาในเดือน ธ.ค. ดังนั้น การบรรจุเงินที่จะใช้ในโครงการดิจิทัลวอลเล็ตลงไปในร่าง พ.ร.บ.งบประมาณ จะปลอดภัยกว่า และอยู่ในวิสัยที่สามารถทำได้ทัน ซึ่งการที่ร่าง พ.ร.บ.งบประมาณ 2567 ยังอยู่ระหว่างการพิจารณา แล้วมาออก พ.ร.บ.กู้เงินอีก 500,000 ล้านบาท เห็นว่า จะเป็นการเสี่ยงต่อการขัดต่อพ.ร.บ.วินัยการเงินการคลัง มาตรา 53
ส่วนอีก 3 เงื่อนไข เรื่องความจำเป็นเร่งด่วน ถือเป็นปัญหา เช่นกัน หากมีความจำเป็นต้องใช้เงินเร่งด่วน เหมือนรัฐบาลที่ผ่านมาในช่วงวิกฤตโควิด-19 ก็เลือกออกพระราชกำหนด แต่การออก พ.ร.บ. ต้องใช้เวลา 2 สัปดาห์ กว่าจะผ่านกระบวนการต่าง ๆ ของสภา ก็ใช้เวลาไม่ต่ำกว่า 6 เดือน
โครงการดังกล่าวไม่ใช่โครงการที่ต้องใช้เงินอย่างต่อเนื่อง แต่เป็นการใช้เงินครั้งเดียวกระตุ้นเศรษฐกิจ
ส่วนจะเป็นการแก้ไขวิกฤตของประเทศหรือไม่นั้น ตนขอไม่ก้าวล่วง เพราะมีความเห็นของนักเศรษฐศาสตร์ ที่แตกต่างกันออกเป็นสองทาง และความเห็นของรัฐบาลที่มองว่าจีดีพีประเทศโตต่ำเกินไปอย่างต่อเนื่อง และต่ำกว่าประเทศอื่นเมื่อเปรียบเทียบแล้วถือเป็นวิกฤตของประเทศ ตนก็เคารพความเห็นของรัฐบาล เพราะรัฐบาลได้รับการเลือกตั้งมา และเป็นนโยบายที่หาเสียงไว้ จึงมองว่าประเด็นนี้สามารถถกเถียงกันได้
อ่านข่าว : นายกฯ ย้ำดิจิทัลวอลเล็ตจำเป็น – อนุทินพร้อมหนุนหากไม่ขัด รธน.
นายคำนูณ ยังกล่าวว่า เมื่อ เม.ย.ที่ผ่านมา รัฐบาลเคยชี้แจงต่อกกต. เรื่องที่มาของเงินสรุปโดยรวมว่า มาจากเงินงบประมาณ แต่ล่าสุด ระบุจะใช้เงินนอกงบประมาณด้วยการออกกฎหมายกู้เงิน ซึ่งหากเป็นไปตามกฎหมาย ส่วนตัวก็ไม่มีความขัดข้อง
แต่เป็นห่วงว่าจะไม่ตรงตามข้อกฎหมาย เพราะมองว่าการที่นายกรัฐมนตรี ระบุว่า จะขอความเห็นไปยังคณะกรรมการกฤษฎีกา จึงต้องรอว่า ครม. จะขอความเห็นไปยังคณะกรรมการกฤษฎีกาอย่างไร และคณะกรรมการกฤษฎีกาจะตอบอย่างไร รวมถึง ครม. จะมีมติเสนอร่าง พ.ร.บ.ต่อรัฐสภาหรือไม่ จากนั้น ก็ต้องดูว่าร่าง พ.ร.บ. เงินกู้ มีลักษณะถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่
นายคำนูณ กล่าวว่า รัฐธรรมนูญ 2560 มาตรา 140 เป็นเรื่องใหม่ แตกต่างจากรัฐธรรมนูนฉบับก่อนที่เพิ่มการจ่ายเงินแผ่นดิน ตามกฎหมายวินัยการเงินการคลังของรัฐเข้ามาฉบับหนึ่ง ซึ่งกฎหมายวินัยการเงินการคลังของรัฐก็มีขึ้นเป็นครั้งแรกในปี 2561 ตามมาตรา 53 นี้ หากถามว่าออกกฎหมาย กู้เงินได้หรือไม่ คำตอบคือ ได้
แต่เฉพาะกรณีตามที่ 4 เร่งด่วน คือ ต่อเนื่อง แก้วิกฤต และตั้งงบไม่ทัน ซึ่งเห็นว่าข้อสุดท้ายนี้สำคัญที่สุด เพราะขนาดนี้งบประมาณปี 2567 ยังพิจารณาไม่แล้วเสร็จ
ในอดีตก็เคยมีปัญหาการใช้เงินนอกงบประมาณ เช่น โครงการไทยเข้มแข็ง สมัยรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ ปี 2552 จนถึงพรรคเพื่อไทยในปี 2554 และ 2556 จึงเป็นที่มาของรัฐธรรมนูญมาตรา 140 และกฎหมายวินัยการเงินการคลัง
ไทยยังไม่ถึงขั้นวิกฤต จนต้องออก พ.ร.บ.เงินกู้
ส่วนขณะนี้ประเทศไทยยังไม่ถึงขั้นวิกฤตจนต้องออก พ.ร.บ.เงินกู้ใช่หรือไม่ นายคำนูณ ระบุว่า เรื่องนี้เถียงกันได้ นักเศรษฐศาสตร์บางส่วนมองว่าขนาดนี้ยังไม่ใช่วิกฤตของประเทศ แต่รัฐบาลมองว่าการที่จีดีพีโตต่ำเป็นวิกฤต
ดังนั้น ตนไม่อาจก้าวล่วงว่าใครถูกใครผิด แต่สิ่งที่เห็นว่าเป็นปัญหา คือ การเลือกแนวทางออก พ.ร.บ.กู้เงิน จะไม่เข้าตามมาตรา 53 ของ พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลัง ครบ 4 เงื่อนไข
นายคำนูณ กล่าวถึงประเด็นหากรัฐบาลดึงดันออก พ.ร.บ.เงินกู้ต่อไปจะเป็นการขัดรัฐธรรมนูญและกฎหมายวินัยการเงินการคลังหรือไม่ นั้น ไม่ขอใช้คำว่าดึงดัน แต่มองว่าเป็นเจตนาดีต่อประเทศ และขอให้เครดิตนายกรัฐมนตรีที่เลือกวิธีนี้ แต่วิธีนี้จะไปได้หรือไม่ คงต้องรอความเห็นจากคณะกรรมการกฤษฎีกาซึ่งเป็นที่ปรึกษากฎหมายของรัฐบาล
อ่านข่าว : นัดหอการค้าทั่ว ปท. ถก17-19 พ.ย.นี้ ก่อนชงสมุดปกขาวเสนอ “เศรษฐา”
นายคำนูณ กล่าวเพิ่มเติมว่า ในการประชุมของคณะกรรมาธิการฯ วันนี้ ไม่ได้มีการหารือเรื่องนโยบายดิจิทัลวอลเล็ตโดยตรง แต่เป็นการพิจารณารายงานศึกษานโยบายประชานิยมในภาพรวมในเชิงวิชาการ แต่ในเรื่องนโยบายดิจิทัลวอลเล็ต คณะกรรมาธิการฯได้เชิญบุคคลที่เกี่ยวข้องมาชี้แจงแล้ว
ทั้งนี้ นายคำนูณ ยังระบุถึงบทลงโทษหากมีการกระทำผิดตามกฎหมายวินัยการเงินการคลังด้วยว่า มาตรา 245 ของรัฐธรรมนูญ บัญญัติขั้นตอนไว้ว่า ให้ผู้ว่า สตง. ทำรายงาน เสนอต่อ คณะกรรมการ สตง.
หากคณะกรรมการเห็นด้วย ก็ให้จัดตั้งคณะกรรมการองค์กรอิสระสามหน่วยงาน ได้แก่ สตง. กกต. และ ป.ป.ช. หากมีความเห็นสองในสามว่าเข้าข่ายกระทำผิด ก็ให้ส่งรายงานเสนอไปยัง ครม. สภาผู้แทนราษฎร และ วุฒิสภา พร้อมเผยแพร่ต่อสาธารณะ ซึ่งไม่ได้บอกให้ยกเลิก แต่เป็นกลไกตามรัฐธรมมนูญ ที่จะทำให้ กฎหมายวินัยการเงินการคลังมีความศักดิ์สิทธิ์และปฏิบัติได้ เรื่องนี้จึงเป็นภาพยนตร์เรื่องยาวที่ต้องติดตามกันต่อไป
อ่านข่าวอื่น ๆ
แนะเร่งจ่าย “ดิจิทัลวอลเล็ต”ช่วงสงกรานต์ เอกชนเชื่อรัฐรอบคอบ
“ศิริกัญญา” โต้นายกฯปัดประเทศวิกฤต ย้ำกู้เงินแจกดิจิทัลวอลเล็ตขัดกฎหมาย
นักวิเคราะห์ชี้ “ตลาดทุนผันผวน” เหตุกังวลนโยบายแจกเงินดิจิทัล