วันนี้ (15 พ.ย.2566) นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยกระทรวงการคลัง กล่าวถึงโครงการดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท ในตอนนี้ มีหลายคนเป็นห่วง ในเรื่องการออก พ.ร.บ.กู้เงิน ว่า เป็นเรื่องที่ดี ช่วยกันเป็นห่วง เราจะได้ดำเนินการให้รอบคอบ รัดกุม เป็นไปตามข้อกฎหมาย ซึ่งรัฐบาลมองว่าช่องทางนี้เป็นช่องทางที่มีความเหมาะสม มีความตรงไปตรงมา ได้รับความตรวจสอบจากรัฐสภา และเป็นเรื่องที่ดีหากมีการตรวจสอบจากองค์กรอิสระก่อนที่จะดำเนินการเพื่อให้เราได้ดำเนินการได้อย่างสบายใจเพื่อให้ประชาชน แต่หาก พ.ร.บ.เงินกู้ไม่ผ่าน ก็ยังไม่มีแผนสำรอง
ส่วนที่หลายคนมองว่านโยบายดิจิทัลวอลเล็ต ไม่สามารถแก้ปัญหาเรื่อง GDP ในระยะยาวได้นั้น นายจุลพันธ์กล่าวว่าเป็นความคิดเห็นที่แตกต่างกันได้ อย่างแรกคือ เรามีความเชื่อมั่นด้วยกลไกที่เป็นตัวเงินผ่านระบบดิจิทัล และมีเงื่อนไขกำหนดก็จะทำให้เกิดการหมุนเวียนในเศรษฐกิจที่มากกว่าแน่นอน ส่วนการเดินหน้าในเรื่องของ พ.ร.บ.เงินกู้ ไม่ต้องเป็นห่วง แต่อาจจะมีคนสงสัย และเป็นมุมมองทางข้อกฎหมายที่แตกต่างกันได้ขึ้นอยู่กับการตีความและรัฐบาลมีหน้าที่ในการชี้แจงเหตุผลและความจำเป็นเร่งด่วนที่ต้องออกเป็น พ.ร.บ.เงินกู้
นายจุลพันธ์ กล่าวว่า ปัญหาเศรษฐกิจรัฐบาลไม่ได้มองมิติเพียงแค่เฉพาะหน้า แต่รัฐบาลมองถึงทิศทางการพัฒนาประเทศที่เรารับทราบกันดีทุกฝ่ายว่าขณะนี้ประเทศไทยอยู่ในสถานะที่ถดถอย ความสามารถในการแข่งขันของประเทศไทยไม่ได้ดูดีแบบในอดีตที่ผ่านมา เรามีความจำเป็นจะต้องพลิกฟื้นปรับเปลี่ยนโครงสร้างทางเศรษฐกิจ รวมถึงสร้างเศรษฐกิจดิจิทัล ให้มีความเข้มแข็งเพื่อรองรับเศรษฐกิจโลกที่มีความเปลี่ยนแปลงไป
ทั้งนี้ หาก พ.ร.บ.กู้เงิน เข้าสู่สภาฯ แล้วไม่ผ่านจะเกิดความเสี่ยงทางการเมืองหรือไม่นั้น ก็เป็นไปได้ต้องยอมรับว่ากลไกนี้ต้องไปตรงมากที่สุดถ้าเราใช้วิธีการอื่น เช่นมาตรา 22 ก็จะมีการครหาว่าจะเป็นการหลบเลี่ยงหรือไม่ วิธีการนี้ตรงไปตรงมา นำเข้ามาพูดคุยกันก่อนแล้วจึงบังคับใช้เป็นกฎหมายที่เป็นช่องทางที่เหมาะสมที่สุด ส่วนความเสี่ยงทางการเมืองเรามีความเชื่อมั่นเสียงของฝั่งรัฐบาล จริงๆ ฝ่ายค้านเองก็ไม่ได้ปฏิเสธนโยบายแต่อาจจะมีข้อสงสัยในกระบวนการ แต่ในข้อเท็จจริงทุกคนเห็นความเดือดร้อนของประชาชนเห็นถึงสถานการณ์เศรษฐกิจของประเทศที่มีความเปราะบาง
ส่วนที่นายกรัฐมนตรี ระบุว่าผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย แนะนำให้ออกเป็น พ.ร.บ.เงินกู้จริงหรือไม่นั้น นายจุลพันธ์ กล่าวว่า เป็นเรื่องที่นายกรัฐมนตรีพูดคุยกับผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย
ส่วนการใช้รัฐธรรมนูญมาตรา 245 ให้องค์กรอิสระมีส่วนในการตรวจสอบนโยบายรัฐบาลนั้น นายจุลพันธ์ ระบุว่า ยินดี เพราะการตรวจสอบเป็นเรื่องดี ตนพร้อมที่จะไปชี้แจงวันนี้เราพร้อมแล้ว เพราะโครงใหญ่เริ่มชัดเจนและเราตอบได้ทุกประเด็น ส่วนจะเห็นด้วย ไม่เห็นด้วย ก็เป็นมุมมองของแต่ละคน
ในขณะเดียวกันเราชี้แจงเพื่อคลายข้อสงสัย ให้กับองค์กรอิสระที่มีการตั้งทีมขึ้นมาเพื่อตรวจสอบให้รัดกุมทำให้เราไม่ได้อยู่ในความประมาทและดำเนินการให้ถูกต้องตามกฎหมายทุกประการ เมื่อลดข้อกังวลแล้วอีกประการก็ต้องรับฟังข้อเสนอแนะไม่ว่าจะเป็นประเด็นใดก็ตาม วันนี้เรามีการปรับเปลี่ยนในรูปแบบบางประเด็น ซึ่งล้วนแต่เป็นข้อเสนอแนะจากสังคมและนักวิชาการทั้งสิ้น เราพยายามปรับให้โครงการดิจิทัล 10,000 บาท ประสบความสำเร็จสูงสุดและมีความเหมาะสมกับสภาพสังคม
นายจุลพันธ์ ยังระบุไม่กังวลหากหลายคนมองว่าโครงการนี้เป็นการตั้งธงล้มรัฐบาล และยืนยันว่าไม่มีการทยอยจ่ายแน่นอน
ข่าวที่เกี่ยวข้อง :
ชัยธวัช ยันก้าวไกลไม่ค้าน “พ.ร.บ.เงินกู้” แต่ห่วงไม่สำเร็จ
“คำนูณ” แนะรัฐใช้งบปี 67 แจกเงิน 10,000 ดีกว่าออก พ.ร.บ.เงินกู้
นายกฯ ย้ำดิจิทัลวอลเล็ตจำเป็น – อนุทินพร้อมหนุนหากไม่ขัด รธน.