หน้าแรก Thai PBS จับกระแสการเมือง 17 พ.ย.66 : “อุ๊งอิ๊ง” บุกถ้ำบางบอน สะท้อนคมเล็บ “อยู่บำรุง”

จับกระแสการเมือง 17 พ.ย.66 : “อุ๊งอิ๊ง” บุกถ้ำบางบอน สะท้อนคมเล็บ “อยู่บำรุง”

96
0
จับกระแสการเมือง-17-พย.66-:-“อุ๊งอิ๊ง”-บุกถ้ำบางบอน-สะท้อนคมเล็บ-“อยู่บำรุง”

และแล้ว “อุ๊งอิ๊ง” แพทองธาร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ก็ไปหา “ลุงเหลิม” เฉลิม อยู่บำรุง สส.ระบบบัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย เจ้าของฉายา “ไปทะเลเจอฉลาม มาสภาเจอเฉลิม” ถึงบ้านพักที่บ้านย่านบางบอน แถมยังเข้ามาแสดงความเห็น เมื่อ “วัน อยู่บำรุง” โพสต์ภาพลงบนเฟชบุุ๊กส่วนตัว

ภาพ : facebook วัน อยู่บำรุง

ภาพ : facebook วัน อยู่บำรุง

ภาพที่ว่า คือ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย “อุ๊งอิ๊ง” แพทองธาร ชินวัตร ถ่ายคู่กับ ร.ต.อ.เฉลิม , นายวัน และนายอาชวิน อยู่บำรุง หรือ กาโม่ บุตรชายของนายวัน ที่บ้านริมคลอง บ้านพักของเฉลิมย่านบางบอน  พร้อมติดแฮชแท็ก #อยู่บำรุง #ครอบครัวเพื่อไทย #ครอบครัวใจถึงพึ่งได้

“ดีใจได้เจอลุงเหลิมค่ะ” คอมเมนต์ของ “อุ้งอิ๊ง” ที่เข้ามาแสดงความคิดเห็นใต้ภาพนั้น

ข้อเท็จจริงเมื่อต้นเดือน ต.ค.ที่ผ่านมา หาก “เฉลิม” ไม่ประกาศ “ทักษิณ ชินวัตร” อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ยังคงนอนพักรักษาตัวอยู่ที่ชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจตั้งแต่บัดนั้นจนถึงขณะนี้ คงไม่มีใครสนใจมากนัก โดยเฉพาะหากไม่มีข้อความนี้

“คุณทักษิณ มีคนมาบอกผมว่า คุณพูดแบบใหญ่โต ว่าผมเป็นคนกวนโอ๊ยทั้งพ่อทั้งลูก เลยไม่ให้ตำแหน่ง คุณเข้าใจผิด ผมไม่ได้ร่วมรัฐบาลกับคุณ ผมมีความสุข พูดอะไรระมัดระวังบ้าง คุณใหญ่โต ได้ในพรรคของคุณ คุณไล่ผมออกสิ นึกถึงแก้คดี 8 คดี ให้คุณแล้ว ผมคิดว่าคุณจะเปลี่ยนนิสัย แล้วเวลาใช้คำพูดถึงผม อย่าเอ่ยมือ เอ่ยเท้า มันไม่สุภาพ และผมก็มีมือมีเท้าที่จะเอ่ยถึงเหมือนกัน เฉลิม ซึ่งจะหันหลังให้คุณตลอดชีวิต”

ร.ต.อ.เฉลิม ยังบอกอีกว่า ที่พูดมาทั้งหมดถือเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องที่สุดในชีวิต ที่ผ่านมาผมไม่ได้สนิทกับครอบครัวนายทักษิณ ผมสนิทเพียงนายทักษิณและคุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์เท่านั้น แต่หลังจากนี้คงไม่มีอะไรต้องพูดกันอีก มันสายเกินไปแล้ว

ขณะที่ วัน ลูกชาย ก็โพสต์ข้อความเป็นเนื้อเพลงของวงไมโครอีกด้วย ระบุว่า “บอกมาเลยให้รู้กันไป ให้อยู่หรือไปก็บอกมา #บอกมาคำเดียว”

ภาพการเข้าถ้ำบางบอน เพื่อเยี่ยมเยียน “สิงห์” บ้านริมคลองของหัวหน้าพรรคเพื่อไทย แพทองธาร ชินวัตร ไม่เพียงสยบรอยร้าวในใจคนตระกูลอยู่บำรุงได้อยู่หมัด แต่สะท้อนให้เห็นว่า เพื่อไทย อาจจะต้องอาศัยเขี้ยวเล็บที่ยังมีอยู่ของ “เฉลิม” ในภายภาคหน้า และไม่เสียหายที่จะหากจะดึงมิตรกลับมา

และข้อความที่ น.ส.ชยิกา วงศ์นภาจันทร์ บุตรสาวนางเยาวเรศ ชินวัตร น้องสาวนายทักษิณ ชินวัตร ได้เข้ามาแสดงความเห็นว่า “1 ภาพ กับล้านความปลาบปลื้มใจ” คงให้คำตอบเป็นอย่างดีว่า เบื้องหลังภาพน่าจะมีอะไรมากกว่าที่เห็น

แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย

แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย

อุ๊งอิ๊ง ออกมาบอกว่าบรรยากาศที่ได้พูดคุยกับ ร.ต.อ.เฉลิม ดีมาก สอบถามว่าเป็นอย่างไร สบายดีหรือไม่ มีอะไรไม่สบายใจให้บอกกับตน ซึ่ง ร.ต.อ.เฉลิมบอกว่ายังซัพพอร์ตสนับสนุนพรรคเหมือนเดิม ทุกคนก็ยังเป็นพรรคเพื่อไทยเหมือนเดิม และเคยมาเล่นที่บ้านเมื่อสมัย 20 ปีที่แล้ว และยามว่าดีทุกอย่างเป็นไปด้วยบรรยากาศอบอุ่น

เมื่อถามว่าตอนนี้ร้อยตำรวจเอกเฉลิมหายงอนนายทักษิณ แล้วหรือยัง อุ๊งอิ๊ง กล่าวว่า ลุงเหลิมกับนายทักษิณไม่ได้คุยกันเลย และตอนนี้นายทักษิณยังอยู่ข้างใน

ได้เคยถามท่าน ท่านก็บอกว่าไม่มีอะไร ท่านไม่รู้เรื่องเลย ไม่ทราบว่าทำไมถึงมีการให้ข่าวแบบนั้น ซึ่งก็ได้คุยกับลุงเหลิม ไม่มีอะไรเลย เข้าใจว่าไม่มีอะไรเลยจริงๆ

เข้าการเมืองมาแค่ 2 ปี ไม่ได้ไปเจอลุงเหลิมในฐานะหัวหน้าพรรค แต่เข้าไปในฐานะที่รู้จักลุงเหลิม ตั้งแต่รุ่นคุณปู่ อิ๊งค์ไปก็เพื่อความสบายใจของทั้งคู่ ไม่มีอะไร

ภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และ รมว.พาณิชย์

ภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และ รมว.พาณิชย์

และภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และ รมว.พาณิชย์ ในฐานะแกนนำพรรคเพื่อไทย มือขวาอีกคนของ “ทักษิณ” ตอกย้ำความแนบแน่นว่า ไม่ใช่เคลียร์ใจ แต่ความไม่พอใจหรือเห็นต่างเป็นเรื่องปกติ ส่วนการเดินทางไปเยี่ยมและขอคำแนะนำ ในฐานะผู้ใหญ่ที่เคารพนับถือ ซึ่งบรรยากาศก็เป็นไปด้วยดี ไม่มีปัญหาอะไร

นายเฉลิม เป็นผู้ใหญ่ที่เราเคารพนับถืออยู่แล้ว การที่ น.ส.แพทองธาร เดินทางไปก็ถือว่าเป็นการทำหน้าที่หัวหน้าพรรค น้อมรับฟังความคิดเห็นของทุกส่วน โดยภารกิจอีกอย่างคือการพยายามเชื่อมต่อ สื่อสารคนหลายรุ่นภายในพรรค ซึ่งถือเป็นเรื่องปกติ

ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า

ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า

ส่วนความเคลื่อนไหวประธานคณะก้าวหน้า ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ วันนี้ได้บรรยายสาธารณ​เรื่อง “ประเทศไทยควรได้อะไร หากต้องใช้ 5 แสนล้าน” 

ธนาธร ระบุว่า​ หากดูจาก​ GDP ของไทยเปรียบเทียบกับประเทศเพื่อนบ้าน​ ใน 10 ปี​ ต่ำกว่าประเทศเพื่อนบ้านและโลก​ แต่สถานการณ์​ยังไม่ถึงขั้นเป็นวิกฤตทางเศรษฐกิจ​ แต่ไม่สามารถแข็งขันกับโลกได้​ เนื่องจากการเติบโตที่ช้า​ เพราะไม่มีขีดความสามารถ​ในการแข่งขันที่มากพอ​ โดยต้องเริ่มแก้ที่ปัญหาคนไม่มีงานที่มั่นคงทำ

หากมี​ 5 แสนล้าน จะเริ่มต้นด้วยการพัฒนาด้านการขนส่งสาธารณะ​ สาธารณสุข​ สิ่งแวดล้อม​ การศึกษา​ และน้ำปะปา​ แม้หลายคนมองว่าเป็นความฝันที่ทะเยอทะยาน​ ขณะเดียวกันต้องตอบโจทย์คนต้องมีงานทำ​ และสามารถแข่งขันกับโลกได้​

 

สำนวนสั่งฟ้องคดีกำนันนก

สำนวนสั่งฟ้องคดีกำนันนก

เหมือนจะเงียบหายไปจากหน้าสื่อ แต่การปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ยังดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง สำหรับคดีนายประวีณ จันทร์คล้าย หรือ กำนันนก หลังจากเมื่อวานนี้ พนักงานสอบสวนกองบังคับการปราบปราม นำสำนวนคดีส่งให้พนักงานอัยการ หลังการสืบสวนสอบสวนมานานกว่า 2 เดือน รวม 2 สำนวน จำนวน 7 ลัง กว่า 7,000 หน้า

สำนวนแรก ในคดีที่กำนันนกจ้างวาน พ.ต.ต.ศิวกร สายบัว หรือ สารวัตรแบงค์ เจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจทางหลวง 1 กก.2 บก.ทล. และเจ้าหน้าที่ที่ช่วยเหลือ “กำนันนก” หลบหนีรวม 21 นาย โดยอัยการ นัดฟังคำสั่งวันที่ 30 พ.ย.นี้

 เจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบค้นพื้นที่เป้าหมายเชื่อมโยงการฮั้วประมูลเครือข่ายกำนันนก

เจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบค้นพื้นที่เป้าหมายเชื่อมโยงการฮั้วประมูลเครือข่ายกำนันนก

เช้าตรู่ของวันนี้ ( 17 พ.ย.) ร.ต.อ.วิษณุ ฉิมตระกูล รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) นำทีมพนักงานสอบสวน ร่วมกับตำรวจสอบสวนกลางนำหมายค้น เข้าตรวจสอบบ้านพัก “สจ.เอ” นายวิชาญ สมาชิกองค์การบริหารส่วนจังหวัด อ.เมืองนครปฐม ที่ ต.พระประโทน อ.เมือง จ.นครปฐม ภายหลังพบหลักฐาน เชื่อมโยงการฮั้วประมูลงานก่อสร้างเครือข่ายกำนันนก และกลุ่มอิทธิพลในพื้นที่

แม้นายวิชาญ จะให้ความร่วมมือเจ้าหน้าที่และไม่ปฏิเสธว่า รู้จักกับกำนันนก เพราะเคยพบกันตามงาน และตนเองเป็นสมาชิกองค์กรบริการส่วนจังหวัด ต้องทำงานร่วมกับกำนัน ผู้ใหญ่บ้านตามปกติ

แต่ปฏิเสธว่า ส่วนตัวไม่ได้มีความสนิทสนม และไม่ได้ฮั้วประมูลงานก่อสร้างร่วมกับกำนันนก ยอมรับว่าเคยเปิดบริษัทรับเหมา แต่ได้ปิดไปแล้ว เพราะมาเล่นการเมือง ยืนยันในความบริสุทธิ์ใจว่าได้ไม่กระทำผิด

 เจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบค้นพื้นที่เป้าหมายเชื่อมโยงการฮั้วประมูลเครือข่ายกำนันนก

เจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบค้นพื้นที่เป้าหมายเชื่อมโยงการฮั้วประมูลเครือข่ายกำนันนก

สำหรับ ส.จ.เอ เมื่อปี 2559 เคยถูกเจ้าหน้าที่เข้าตรวจคนบ้านพักพบอาวุธปืนจำนวนมาก จนถูกขึ้นบัญชีดำ เป็นผู้มีอิทธิพลในพื้นที่ แต่การตรวจค้นครั้งนี้ เจ้าหน้าที่พบปืนบีบีกัน 3 กระบอก โดยอ้างว่า นำมาใช้เพื่อไล่สัตว์ที่เข้ามาในบ้านเพราะบ้านไม่มีรั้ว

ควันไฟจากข่าว “กำนันนก” ยังจบไม่ลง ปฏิบัติการปิดล้อมเทือกเขาบรรทัดไล่ล่าตัวของตำรวจเพื่อควานหาตัว “เสี่ยแป้ง นาโหนด” แม้จะผ่านไป 10 วันแล้ว ก็ยังไร้เงาเสี่ยคนดัง

เสี่ยแป้ง นาโหนด

เสี่ยแป้ง นาโหนด

ล่าสุด ชุดสืบสวนตำรวจภูธรภาค 9 พบหลักฐานสำคัญ เป็นภาพจากโทรศัพท์มือถือของบุคคลที่อยู่ในกลุ่มที่รับประทานอาหารกับเสี่ยแป้ง นาโหนด ที่อ้างว่าที่เสี่ยแป้ง นาโหนด นั่งรับประทานอาหารและดื่มสังสรรค์กับบุคคลอื่นๆ สถานที่แห่งหนึ่งใน จ.พัทลุง โดยระบุว่าเป็นช่วงหลังจากหลบหนีออกจากโรงพยาบาลใน จ.นครศรี ธรรมราช 22 ต.ค. 2566 ที่ผ่านมา ก่อนจะหลบหนีไปกบดานที่เทือกเขาบรรทัด

หากเปรียบเทียบภาพจากกล้องวงจรปิดหน้าลิฟต์ของโรงพยาบาลบันทึกภาพนายแป้ง กำลังหลบหนีไปและมีการเผยแพร่ไปก่อนหน้านี้ จะเห็นว่าเป็นชุดเดียวกัน ขณะนี้เจ้าหน้าที่กำลังขยายเรียกบุคคลที่ปรากฏตัวอยู่ในภาพกว่า 10 มาสอบปากคำต่อไป

มาดูกันว่า”น้ำยา”ของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ไล่ล่า “เสี่ยแป้ง นาโหนด”ยังเข้มข้นอยู่หรือไม่ หรือว่า “คนร้าย” เส้นใหญ่จนทำให้หมดน้ำยา

ข่าวที่เกี่ยวข้อง :

เปิดภาพ “เสี่ยแป้ง นาโหนด” นั่งกินอาหารก่อนหนีขึ้นเขาบรรทัด

DSI ค้น 6 จุดบ้าน “สจ.เอ” ขยายผลโยงฮั้วประมูล “คดีกำนันนก”

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่