วันนี้ (20 พ.ย.2566) นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง เผยภายหลังการเรียกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาหารือที่กระทรวงการคลังว่า เป็นการหารือในประเด็นสภาพเศรษฐกิจโดยรวม และมาตรการต่างๆ เช่น การท่องเที่ยว อย่างแพ็คเกจใหญ่ด้านการท่องเที่ยว โดยจะเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ภายใน 1-2 สัปดาห์หน้า
รวมถึงมาตรการด้านภาษีระยะยาว หลายมาตรการที่ยังค้างอยู่ เมื่อถึงเวลาที่เหมาะสมจะแจ้งให้ทราบ รวมไปถึงมีการแบ่งการบ้านให้กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
อ่านข่าว จับตา! นายกรัฐมนตรี แถลงใหญ่ปลาย พ.ย. แก้หนี้ทั้งระบบ
แจงไทม์ไลน์แก้หนี้นอกระบบ 28 พ.ย.-ในระบบ 12 ธ.ค.
นายเศรษฐา กล่าวอีกว่า ที่ประชุมยังมีการพูดคุยในประเด็นใหญ่คือเรื่องการแก้ไขปัญหาหนี้สินโดยรวมทั้งหมด โดยแบ่งเป็นหนี้นอกระบบและในระบบ โดยหนี้นอกระบบอย่างบูรณาการจะแถลงในวันที่ 28 พ.ย.นี้ ส่วนหนี้ในระบบจะแถลงในวันที่ 12 ธ.ค.นี้ ในเวลา 14.00 น.
นายเศรษฐา กล่าวว่า ส่วนกรณีที่เรื่องที่มีกลุ่มคน และประชาชนไม่เห็นด้วยเรื่อง การแจกเงินดิจิทัลและออกพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) กู้เงิน 500,000 ล้านบาท ก็เป็นการสะท้อนความคิดเห็นที่เกิดขึ้นได้ รัฐบาลก็ได้แถลงไปเรียบร้อยแล้ว และเรื่องการไปอยู่ในมือของกฤษฎีกาแล้ว
ตัวเลขเศรษฐกิจไทยจากสภาพัฒน์ รายงานว่ายไตรมาส 3 ของปี 2566 ที่ขยายตัวได้ 1.5% ต่อปี ต่ำกว่าประเทศเพื่อนบ้าน อย่างมาเลเซียที่เศรษฐกิจโตต่ำสุดที่ 3.3%
นายเศรษฐา ยืนยันว่าประเด็นดังกล่าวไม่ทำให้เสียสมาธิหรือกำลังใจในการทำงาน ตำแหน่งผู้นำประเทศ อยู่ในตำแหน่งที่มีความรับผิดชอบที่สูง มีหลายภาคส่วนที่ต้องดูแลแก้ไขปัญาหา
คงไม่มีสิ่งที่จะเสียกำลังใจเสียสมาธิ เพราะจะเป็นข้ออ้างไม่ได้ ที่จะไม่ทำงาน วันนี้ก็ทำงานอย่างเดียว ไม่เสียกำลังใจครับ ไม่เสียสมาธิ
ชี้ GPD พลาดเป้าไม่ถึง 2%
ผู้สื่อข่าวถามว่า เทคนิคแก้เศรษฐกิจอย่างไรให้เติบโตไวกว่านี้ ก่อนที่โครงการดิจิทัลวอลเล็ตจะออกมา นายเศรษฐา ระบุว่า โครงการดิจิทัลวอลเล็ต นโยบายกระตุ้นการท่องเที่ยว นโยบายซอฟต์พาวเวอร์ และแก้หนี้สินนอกระบบ ก็ถือว่าเป็นนโยบายใหญ่ทั้งหมด บางอย่างก็ทำได้ทันที บางอย่างก็ต้องใช้เวลา
รัฐบาลจำเป็นต้องมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและทำงานอย่างต่อเนื่อง
ส่วนจะให้ความมั่นใจกับประชาชนอย่างไร เนื่องจากเศรษฐกิจเติบโตเพียงเท่านี้ นายเศรษฐา ระบุว่า ยังคงทำงานอย่างเต็มที่ และถ้าเกิดภาคส่วนใดต้องการความช่วยเหลือก็พร้อม ในประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) แต่ละครั้งก็มีมาตรการต่างๆ ออกมา
รู้สึกตกใจกับตัวเลข GDP ที่เติบโต 1.5% ถือว่าพลาดไปสูงมาก ทางสภาพัฒน์ฯ มีการคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจจะเติบโตอยู่ที่ 2% ซึ่งถือเป็นสัญญาณบ่งบอกว่าโครงการดิจิทัลวอลเล็ตต้องเร่งด่วนจำเป็นหรือไม่
เมื่อถามว่าระหว่างโครงการดิจิทัลวอลเล็ต และโครงการ E-Refund ประชาชนสามารถเลือกอย่างใดอย่างหนึ่งใช่หรือไม่ นายเศรษฐา ระบุว่า ไม่ใช่ สำหรับผู้ที่เงินเดือนต่ำกว่า 70,000 บาทต่อเดือน สามารถใช้สิทธิได้ทั้ง 2 โครงการ
เมื่อถามถึงกรณีที่นายกรัฐมนตรี เคยระบุว่าก่อนหน้านี้ เศรษฐกิจวิกฤตอยู่แล้ว และวันนี้ใช้คำว่าเลวร้ายกว่า ที่คิดหมายความว่าอย่างไร นายกรัฐมนตรี ระบุว่า เป็นการยืนยันมากกว่า และสิ่งที่เราคิดมันคืออะไร
เมื่อถามว่าไม่เกินความสามารถของนายกรัฐมนตรีใช่หรือไม่ นายเศรษฐา ปฏิเสธการตอบคำถามก่อนที่จะยิ้มและเดินออกจากวงสัมภาษณ์ในทันที
อ่านข่าว
มท.ขึ้นทะเบียนแก้หนี้ ส่งโพยถึง “นายกรัฐมนตรี” แถลง 28 พ.ย.
“ภูมิธรรม” เผยนายกฯ ถก 3 หน่วยงานเดินหน้าการค้า 21 พ.ย.